ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมดูแลชาวกรุงเทพฯ
ผ่านวิกฤตฝุ่น PM 2.5
พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง
จากประสบการณ์ ในช่วงเวลา 2-3 ปี ที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และหน่วยงาน ในสังกัดได้ร่วมกันออกมาตรการในการรับมือกับฝุ่น PM 2.5 อย่างครอบคลุมทุก โดยครั้งนี้ พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยังคงเป็นหัวเรือใหญ่ที่พร้อมนำคณะทำงานฝ่าวิกฤตฝุ่นพิษจิ๋วและยังได้เผยถึงภาพรวมการทำงานที่ดำเนินมาและกำลัง จะดำเนินต่อไปจนถึงต้นปี พ.ศ. 2564 ผ่านบทสัมภาษณ์ใน กทม.สารฉบับนี้
กรุงเทพมหานครพบว่า ช่วงวิกฤตฝุ่น PM 2.5 ได้เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 8 ธันวาคม 2562 - 29 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งตรวจวัด ได้ในช่วง 7-136 มคก./ลบ.ม. (ไมโครกรัมต่อ ลูกบาศก์เมตร) มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 44 มคก./ลบ.ม. โดยเขตที่มีผลการตรวจวัดเกินมาตรฐานสูงที่สุดใน 3 อันดับแรกนั้น ได้แก่ เขตบางเขน เขตหลักสี่ และเขตบางคอแหลม จากข้อมูลชุดนี้เราจึง สามารถกำหนดกรอบเวลาและกรอบของพื้นที่ที่ต้องเข้าไปดูแลเป็นพิเศษได้” กทม. วางแผนรับมือกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างไร “กทม. ได้ติดตั้งเครื่องตรวจวัดฝุ่น PM 2.5 ครอบคลุมทั้ง 50 เขตแล้ว รวมถึงติดตั้งในบริเวณสวนสาธารณะเพิ่มเติมอีก 20 แห่ง ซึ่งเสร็จสิ้นไปตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนที่ไปใช้พื้นที่ออกกำลังกายได้รับทราบข้อมูลคุณภาพอากาศภายในสวนสาธารณะว่า สามารถออกกำลังกายได้หรือไม่ เพราะการใส่หน้ากากอนามัยเพื่อออกกำลังกายตลอดเวลา อาจทำให้ได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้” นอกจากนี้ เราได้ขอความร่วมมือไปยังสถานศึกษาให้งดจัดกิจกรรมในที่โล่งแจ้งในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 และในกรณีค่าฝุ่นสูงต่อเนื่องเกิน 3 วัน จะพิจารณาให้ปิดโรงเรียนตามความ เหมาะสม โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ อีกทั้งทำแผนเชิงรุกควบคุมสถานประกอบการ หรือโรงงานอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและฝุ่นละอองขนาดเล็ก เช่น การผลิตภาชนะด้วยโลหะหรือแร่ การถลุงแร่ การเลื่อย รวมถึงการไสไม้ การผลิต สิ่งของเครื่องใช้จากไม้ การผลิตธูป กิจการที่มี การใช้หม้อไอน้ำ (Boiler) ที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันเตาหรือดีเซล การผสมซีเมนต์ หิน ดิน ทราย วัสดุ ก่อสร้าง รวมทัง้การขุด ตัก ดูด โม่ บดหรือย่อย ด้วยเครื่องจักร เตาเผาศพ เป็นต้น สำหรับอีกแหล่งกำเนิดหนึ่งคือ การเผาในที่โล่ง ทาง กทม. ได้จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจให้เฝ้าระวังในพื้นที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดการเผาในที่โล่งด้วย ภาพการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานเครือข่ายมีความเข้มข้นมากแค่ไหน ในช่วงเดือนธันวาคมปีนี้ถึงเดือนเมษายนปีหน้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการและติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยเตรียมการเพื่อรองรับกับสถานการณ์วกิฤตต่างๆ อย่างแรกคือ การติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ด้วยสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ที่ครอบคลุมทั้ง 50 เขต พร้อมรายงานข้อมูล คุณภาพอากาศให้สาธารณชนทราบ ผ่านทางเว็บไซต์ www.bangkokairquality.com, www.prbangkok.com, เฟซบุ๊ก: กองจัดการ คุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อมและเฟซบุ๊ก: กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์ ปัจจุบันได้เพิ่มช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลคุณภาพอากาศอีก 1 ช่องทาง คือ แอปพลิเคชัน AirBKK เพื่อให้สามารถแสดงผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศครอบคลุมพื้นที่ที่ไม่มีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรุงเทพมหานครและกรมควบคุมมลพิษ นอกจากนี้ มีการให้คำแนะนำแก่ประชาชน ในการเฝ้าระวังสุขภาพและวิธีป้องกันตนเอง จากฝุ่นละออง PM 2.5 โดยเฉพาะในพื้นที่ที่คุณภาพอากาศอยู่ในนระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนรับทราบและสามารถปกป้องดูแลสุขภาพได้ทันท่วงที โดยประชาชนสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน AirBKK ได้ แล้วทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS อีกความร่วมมือกับเครือข่ายคือ เน้นการควบคุมการระบายฝุ่น PM 2.5 จากแหล่งกำเนิดหลัก ๆ โดยเฉพาะรถราชการในสังกัดกรุงเทพมหานคร ต้องหมั่นดูแลบำรุงรักษาเครื่องยนต์ไม่ให้ปล่อยควันดำ โดยร่วมดำเนินการตรวจวัดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการ ตำรวจจราจร เจ้าหน้าที่จากกรมการขนส่งทางบก เจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครทั้งสำนักสิ่งแวดล้อม สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต และกองโรงงานช่างกล นอกจากนี้ ควบคุมกิจกรรมที่อาจปล่อยฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง ทั้งอาคารขนาดใหญ่ อาคารสูง และรถไฟฟ้า อีกทั้งเรายังเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุม เช่น การพิจารณาสั่งหยุดก่อสร้างรถไฟฟ้า 5 - 7 วัน ในกรณีที่ฝุ่นสูงเกินค่ามาตรฐาน ระหว่าง 76 - 100 มคก./ลบ.ม.
สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ต้องมาแน่ๆ ท่านอยากฝากอะไรถึงพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ บ้าง? นอกจากแผนปฏิบัติการเร่งด่วนด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ในเรื่องสุขภาพของพี่น้องประชาชน ทาง กทม. ได้กำหนดมาตรการที่ครอบคลุมใน 3 มิติ ได้แก่ หนึ่ง...การเฝ้าระวังและการแจ้งเตือน สอง...การลดผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กนักเรียนในโรงเรียน และ สาม...การป้องกัน เพื่อดูแลสุขภาพของประชาชน ซึ่งปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำมาตรการในแผนฯ ไปปฏิบัติตามภารกิจและความรับผิดชอบแล้ว สำหรับผู้ที่ป่วยโรคปอดและหัวใจถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ จะยิ่งมีความเสี่ยงมาก เนื่องจากมีความไวต่อผลของมลพิษทางอากาศ ดังนั้น ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือเป็นกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว หากพบอาการผิดปกติต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ไอ ตาอักเสบ แน่นหน้าอก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ต้องรีบพบแพทย์ อีกสิ่งสำคัญคือ อยากขอความร่วมมือคนกรุงเทพฯ ช่วยกันลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล หันมาเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะและการเดินทางแบบทางเดียวกันไปด้วยกัน (Car Pool) กันนะครับ เพื่อลดการจราจรติดขัด รวมถึงการดับเครื่องยนต์ ขณะจอดรถยนต์ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในเขตชุมชน เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน และพื้นที่มลพิษสูง เพราะการติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ขณะจอดนั้น ส่งผลให้ไอเสียที่ปล่อยออกมาจะมีมลพิษมากกว่ารถแล่นตามปกติถึง 5 เท่า และอย่าลืม...หมั่นบำรุงรักษาเครื่องยนต์เพื่อลดมลพิษ ใช้รถจักรยานหรือการเดินเพิ่มขึ้นเพื่อลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนี้ ผมในฐานะตัวแทนของ กทม. ขอความร่วมมือ ผู้ประกอบการขนส่งงดใช้รถที่มีควันดำ รวมทั้งงดเว้นการเผาในที่โล่ง ทุกประเภท เพื่อคุณภาพอากาศที่ดีและเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพฯ กันนะครับ ทั้งหมดคือ ความตั้งใจของกรุงเทพมหานครที่จะดูแลคนกรุงเทพฯ ให้ผ่านวิกฤตฝุ่น PM 2.5 ฝุ่นจิ๋วแต่อานุภาพร้ายนี้ไปได้อย่างดีที่สุด และไม่เพียงแผนการทำงานที่กล่าวไปข้างต้น แต่ทุกหน่วยงานยังพร้อมที่จะปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์ทที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาอีกด้วย
กรุงเทพมหานครพบว่า ช่วงวิกฤตฝุ่น PM 2.5 ที่ผ่านมา เขตที่มีผลการตรวจวัดเกินมาตรฐานสูงที่สุดใน 3 อันดับแรก ได้แก่ เขตบางเขน เขตหลักสี่ และเขตบางคอแหลม จากข้อมูลนี้ สามารถกำหนดกรอบเวลาและกรอบพื้นที่ที่ต้องเข้าไปดูแลเป็นพิเศษได้
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ www.prbangkok.com
Facebook : กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์
