ซาอุดีอาระเบียประกาศแผนแม่บท The Journey Through Time Masterplan ก้าวสำคัญในการปกป้องและแบ่งปันมรดกทางวัฒนธรรมของเมืองอัลอูลาไปทั่วโลก
- จัดตั้งเขต 5 เขต ที่เชื่อมกันด้วยอาณาบริเวณสาธารณะทอดยาว 20 กิโลเมตรชื่อว่า Wadi of Hospitality เพื่อปกป้องประวัติศาสตร์ของมนุษย์และธรรมชาติอันยาวนานถึง 200,000 ปี ในพื้นที่ประวัติศาสตร์หลักของเมืองอัลอูลาที่ทอดยาว 20 กิโลเมตรทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งรวมถึงวาดี (Wadi) หรือหุบเขาที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลาง และเมืองเฮกรา (Hegra) ของราชอาณาจักรแนบาเทีย (Nabataea) ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก
- แผนแม่บทแรกสำหรับเมืองอัลอูลาคือการสร้างพิพิธภัณฑ์มีชีวิต (Living Museum) ซึ่งประกอบด้วยสถานที่ทางวัฒนธรรมใหม่ 15 แห่ง, การฟื้นฟู Cultural Oasis ที่ทอดยาว 9 กิโลเมตร, พื้นที่เปิดและพื้นที่สีเขียว 10 ล้านตารางเมตร, เส้นทางเดินรถรางปล่อยคาร์บอนต่ำยาว 46 กิโลเมตร รวมถึงการสร้างที่พักเพิ่ม 5,000 ห้องเพื่อรองรับผู้มาเยือน
เพื่อรับมือกับความท้าทายในการพัฒนาพื้นที่ทะเลทรายที่เปราะบางอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ การฟื้นฟู Cultural Oasis ที่ทอดยาว 9 กิโลเมตร ผ่านการวิจัยและพัฒนาโซลูชันต่าง ๆ จึงถือเป็นส่วนสำคัญของแผนแม่บท นอกจากนี้ เพื่อสนับสนุนโครงการ Saudi Green Initiative เมืองอัลอูลาจึงให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การฟื้นฟูผืนดินและการสกัดกั้นไม่ให้พื้นที่กลายเป็นทะเลทราย ตลอดจนขยายพื้นที่เปิดและพื้นที่สีเขียวมากถึง 10 ล้านตารางเมตร เพื่อรองรับสถานที่ทางโบราณคดีของเมืองอัลอูลา และสร้างโอกาสในการผลิตพืชผลทางการเกษตรอย่างยั่งยืน ตลอดจนสร้างประสบการณ์ที่ดึงดูดใจผู้มาเยือน
สองโครงการเรือธงของแผนแม่บทนี้ ได้แก่ Kingdoms Institute และ Cultural Oasis สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของซาอุดีอาระเบียในการนำเสนอแม่แบบระดับโลกในการปกป้อง อนุรักษ์ และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก
เกี่ยวกับอัลอูลา
อัลอูลา อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบีย ห่างจากกรุงริยาด 1,100 กิโลเมตร รุ่มรวยด้วยมรดกของมนุษย์และธรรมชาติอันแสนมหัศจรรย์ พื้นที่อันกว้างขวาง 22,561 ตารางกิโลเมตร มีทั้งหุบเขาอันเขียวชอุ่ม ภูเขาหินทรายตั้งตระหง่าน และแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมอายุเก่าแก่หลายพันปี
สถานที่ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในอัลอูลาคือเมืองโบราณเฮกรา แหล่งมรดกโลกแห่งแรกของซาอุดีอาระเบียที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก เมืองโบราณแห่งนี้มีพื้นที่ 52 เฮกตาร์ และเคยเป็นเมืองสำคัญทางตอนใต้ของราชอาณาจักรแนบาเทีย โดยมีสุสานเกือบ 100 แห่งที่ยังอยู่ในสภาพดีและมีการตกแต่งผนังภายนอกอย่างวิจิตรงดงามด้วยการขุดภูเขาหินทราย ผลวิจัยบ่งชี้ว่าเฮกราคือดินแดนใต้สุดของอาณาจักรโรมัน หลังจากเอาชนะราชอาณาจักรแนบาเทียในคริสตศักราช 106
นอกจากเมืองโบราณเฮกราแล้ว อัลอูลายังมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น เมืองโบราณ (Old Town) ที่ล้อมรอบด้วยโอเอซิสโบราณ, ดาดัน เมืองหลวงของราชอาณาจักรดาดัน ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่เจริญที่สุดในคาบสมุทรอาหรับในช่วง 1000 ปีก่อนคริสตกาล, การจารึกและงานศิลปะบนหินหลายพันชิ้นในจาบาล อิกมาห์ และสถานีรถไฟฮิญาซ
หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ
Kingdoms Instituteเป็นพหูพจน์และไม่แสดงความเป็นเจ้าของ
ชื่อเมืองอัลอูลาในภาษาอังกฤษสะกดว่า AlUla เสมอ ไม่ใช่ Al-Ula
เกี่ยวกับ Royal Commission for AlUla
Royal Commission for AlUla (RCU) ก่อตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาในเดือนกรกฎาคมปี 2017 เพื่ออนุรักษ์และพัฒนาเมืองอัลอูลาในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีความสำคัญในเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติ แผนการระยะยาวของ RCU คือการพัฒนาเศรษฐกิจและเมืองด้วยความรวดเร็ว รับผิดชอบ และยั่งยืน พร้อมกับอนุรักษ์มรดกทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติในพื้นที่ ตลอดจนส่งเสริมให้เมืองอัลอูลาเป็นจุดหมายปลายทางการอยู่อาศัย ทำงาน และท่องเที่ยว เป้าหมายเหล่านี้ก่อให้เกิดโครงการมากมายทั้งในด้านโบราณคดี การท่องเที่ยว วัฒนธรรม การศึกษา และศิลปะ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการตอบสนองต่อความหลากหลายทางเศรษฐกิจ การสร้างพลังให้กับชุมชน และการอนุรักษ์มรดกตกทอดตามวิสัยทัศน์ Vision 2030 ของซาอุดีอาระเบีย
เกี่ยวกับ AFALULA (French Agency for AlUla Development)
RCU ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรอย่าง French Agency for AlUla Development (AFALULA) เพื่อพัฒนาแผนแม่บท โดย AFALULA ก่อตั้งขึ้นในกรุงปารีสเมื่อเดือนกรกฎาคม 2018 หลังจากมีการลงนามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลฝรั่งเศสกับซาอุดีอาระเบียในเดือนเมษายนปีเดียวกัน พันธกิจของ AFALULA คือการสนับสนุนพันธมิตรในซาอุดีอาระเบียอย่าง Royal Commission for AlUla (RCU) เพื่อร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และวัฒนธรรมของเมืองอัลอูลาทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่มรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์ โดย AFALULA ได้แบ่งปันองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญของฝรั่งเศส ตลอดจนรวบรวมผู้ประกอบการและบริษัทที่ดีที่สุดในด้านโบราณคดี พิพิธภัณฑ์ สถาปัตยกรรม สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว การโรงแรม โครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา ความมั่นคงปลอดภัย เกษตรศาสตร์ พฤกษศาสตร์ รวมถึงการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
โครงการพัฒนาอื่น ๆ ของ RCU
ตลอดสามปีที่ผ่านมา RCU ได้ดำเนินโครงการพัฒนาหลายโครงการร่วมกับพันธมิตรจากทั่วโลก เช่น การเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานนานาชาติอัลอูลา 300% หลังจากที่เพิ่งเปิดรับเที่ยวบินระหว่างประเทศเที่ยวแรกเมื่อไม่นานมานี้ และการสร้างมารายา (Maraya) ซึ่งเป็นอาคารกระจกขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและอาคารอเนกประสงค์ระดับรางวัลขนาด 500 ที่นั่ง ซึ่งสามารถรองรับการประชุมและการจัดกิจกรรมบันเทิงต่าง ๆ โดยได้จัดอีเวนต์ระดับโลกมาแล้ว เช่น การประชุม Hegra Conference of Nobel Laureates และเทศกาลวัฒนธรรม Winter at Tantora โดยได้ต้อนรับศิลปินดังอย่าง Andrea Bocelli และ Lang Lang นอกจากนั้นยังมีโครงการพัฒนารีสอร์ทหรูร่วมกับ Accor/Banyan Tree, Habitas และ Jean Nouvel
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ RCU Factsheet
วิดีโอ - https://mma.prnewswire.com/media/1482749/Journey_Through_Time.mp4
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1480528/Royal_Commission_for_AlUla.jpg