ในปัจจุบันการรักษาโรค
หัวใจเต้นผิดจังหวะ สามารถรักษาได้หลายวิธี ซึ่งมันจะขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรค
หัวใจเต้นผิดจังหวะ ที่ผู้ป่วยกำลังเผชิญอยู่ โดยหนึ่งในวิธีรักษาที่ได้ผลดีคือการสวนและจี้ไฟฟ้าหัวใจ (Radio Frequency Ablation) โดยการใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงสวนเข้าไปทางหลอดเลือดดำบริเวณขาหนีบและจี้ที่บริเวณต้นกำเนิดของอาการ
หัวใจเต้นผิดจังหวะ ที่หัวใจ วิธีการคือใช้สายสวนสอดไปตามหลอดเลือดที่บริเวณขาหนีบจนถึงห้องหัวใจ เมื่อพบตำแหน่งที่มีกระแสไฟฟ้าหัวใจเต้นผิดปกติ แพทย์จะปล่อยพลัง
งานคลื่นวิทยุไปที่ขั้วปลายสายสวนเพื่อจี้รักษา โดยเทคโนโลยีการจี้ด้วยคลื่นวิทยุไฟฟ้าหัวใจ จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้
การรักษาโรค
หัวใจเต้นผิดจังหวะ ด้วยการจี้ด้วยคลื่นวิทยุไฟฟ้าหัวใจทั้ง 2 แบบ
1.Electrophysiology Study (การตรวจวินิจฉัยทางสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ) เป็นการตรวจประเมินสัญญาณไฟฟ้าหัวใจและทางเดินไฟฟ้าหัวใจ หาสาเหตุ รวมถึงตำแหน่งที่ผิดปกติ และจี้ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง แสดงผลเป็นกราฟ 2 มิติ ข้อดีคือสามารถทำการรักษาได้ทันทีหลังจากการตรวจวินิจฉัย
2.3D System เป็นการหาตำแหน่งจุดกำเนิดไฟฟ้าหัวใจที่ผิดปกติ ซึ่งแสดงผลเป็นภาพ 3 มิติ แบบเรียลไทม์ และใช้สายสวนจี้ตรงจุดที่ผิดปกติด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง วิธีนี้สามารถใช้รักษาความผิดปกติของระบบไฟฟ้าหัวใจที่มีจุดกำเนิดเป็นบริเวณกว้างหรือมีความซับซ้อน เช่น
•ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะห้องบน (Atrial Tachycardia)
•ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation)
•ภาวะหัวใจห้องล่างเต้นเร็ว (Ventricular Tachycardia)
•ภาวะหัวใจห้องบนเต้นเร็วชนิดลัดวงจร (Supraventricular Tachycardia)
ทั้งนี้ในการรักษาอาการ
หัวใจเต้นผิดจังหวะ ด้วยเทคโนโลยีการจี้ด้วยคลื่นวิทยุไฟฟ้าหัวใจ จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลเพียง 1 คืน หลังจากนั้นสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ต้องงดยกของหนัก ไม่ควรเดินมากจนเกินไป และงดขับรถเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 7 วัน เพื่อให้แผลจากการเจาะหลอดเลือดบริเวณขาหนีบที่หน้าขาหายเป็นปกติ สำหรับข้อดีของการรักษาด้วยวิธีนี้คือมีโอกาสหายขาดจากโรค
หัวใจเต้นผิดจังหวะ สูงถึงร้อยละ 98 เกิดภาวะแทรกซ้อนและมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำเพียง 1-2% เท่านั้น ที่สำคัญคือไม่ต้องรับประทานยาไปตลอดชีวิตอีกด้วยค่ะ