สวัสดีครับคุณผู้อ่าน ผม ณัฐSon of the Moon ผมจะหยิบยกประสบการณ์ส่วนตัวมาถ่ายทอดให้คุณผู้อ่านได้รับรู้และนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตของตัวเอง โดยผมหันมาสนใจในศาสตร์การอ่านหน้าไพ่ยิปซีได้อย่างไรนั้น เรามาหาคำตอบพร้อมกันครับ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว ผมได้ผิดใจกับเพื่อนคนหนึ่ง ที่ยกให้เป็นดั่งอาจารย์ในวิชาชีวิต ความรู้สึกเจ็บปวดใจไม่ต่างกับที่อนาคินผิดใจกับโอบีวันเลย ถ้าผมมีรถไทม์แมชชีนอย่างมาร์ตี้ ผมคงย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในอดีต ด้วยเหตุการณ์นี้เองทำให้ผมหันเหเข้าสู่ทางธรรม และได้พบกับหนทางที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง ผมตั้งปณิธานกับตัวเองไว้ว่าชาตินี้จะต้องหลุดพ้นออกจากวัฏสงสารให้จงได้ หลังจากลาสิกขาออกมาผมได้เข้าทำงานที่การไฟฟ้าฯ เขตเชียงใหม่ ช่วงที่ใกล้ลาออกจากงาน ผมได้ดูหนังเรื่อง Ready Player One แล้วรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้จะต้องเป็นกุญแจในการไขไปสู่การตื่นรู้ทางจิตวิญญาณเป็นแน่ โดยมองว่าด่านแรกในการพิชิตกุญแจทองแดงได้นั้นจะต้องคิดนอกกรอบแทนที่จะขับเดินหน้ายังไงก็ไม่ผ่านคองอยู่ดี ตัวเอกเลยลองขับถอยหลังดูจนไปทะลุเอาประตูหลังของด่านเข้าเส้นชัยอย่างง่ายดาย ในที่นี้เปรียบคองได้กับมารในใจ การขับเดินหน้าเปรียบเหมือนการปฏิบัติธรรมตามรูปแบบเช่น นั่งสมาธิ เดินจงกรม และการขับถอยหลังเปรียบเหมือนการปฏิบัติธรรมไม่ติดรูปแบบเช่น ดูหนัง ฟังเพลง และการจินตนาการ เพราะจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ขยายความไปอีกคือ ความรู้เมื่อถึงจุดหนึ่งมันจะตันแค่ในหนังสือแบบเรียน แต่จินตนาการมันไร้ขอบเขต ไม่มีที่สิ้นสุด ดังที่ไอน์สไตน์ได้กล่าวไว้ ช่วงที่ตกงาน โควิด-19ก็เริ่มระบาดใหม่ๆพอดี เลยต้องพับแผนการบวชออกไป ตลอดระยะเวลาที่อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ในใจผมก็ตีกันในหัว ถ้าเราบวชแล้วเราจะอยู่ตลอดรอดฝั่งไหม? ถ้าเรากลับไปสมัครงานใหม่มันก็ไม่ตอบโจทย์เป้าหมายของตัวเองในการที่จะแสวงหาหนทางแห่งการหลุดพ้น ผ่านไปวันแล้ววันเล่าเฝ้านอนคิดจนพล็อยหลับไปพร้อมคราบน้ำตา รู้สึกท้อแท้สิ้นหวังในโชคชะตาชีวิตจนถึงขั้นตรอมใจไม่ต่างจากโทนี่ สตาร์ค ที่สิ้นหวังเพราะไม่สามารถยับยั้งธานอสจากการดีดนิ้วได้ รู้สึกสูญสิ้นความเชื่อมั่นและศรัทธาภายในตัวเองไป และจุดที่ผมตัดสินใจที่จะยอมแพ้กลับไปสมัครงานใหม่ หูผมก็ได้ยินเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง รถไฟฟ้า มาหานะเธอ และคิดว่า เอ๊ะ! ทำไมตัวเอกในเรื่องถึงมีบุคลิกภาพและการแต่งกายคล้ายเราสมัยทำงานอยู่ที่การไฟฟ้าฯเลย เอ๊ะ!หรือบทภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นบทชีวิตของเราในอนาคตอันใกล้ เอ๊ะ!หรือเราจะมีแฟนเป็นดาราในอนาคต เพราะในเรื่องก่อนพระเอกจะพบกับนางเอกก็ได้เคยคบกับดารามาก่อนและเลิกรากันไป หลังจากผมปิดเพลงและได้เหลือบไปเห็นปกคลิปหนึ่งระบุว่า ดาราสาวชื่อดัง ลั่น! อยากคบคนนอกวงการ ผมจึงอุทานขึ้นมาในใจว่า อ้าว เฮ้ย! หรือดาราคนนี้จะเป็นว่าที่แฟนในอนาคตของเรา? ผมปิดคลิปแล้วเดินไปส่องกระจกเพื่อคุยกับตัวเอง เราต้องการบรรลุธรรมไม่ใช่เหรอแล้วจะมีแฟนทำไม? ผมจึงตัดสินใจที่จะไม่คิดเริ่มความสัมพันธ์กับดาราสาวคนนี้ในอนาคต ด้วยความรู้สึกงุนงงในสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเวลานั้นก็ดึกมากแล้วผมจึงเข้านอนและพอหัวถึงหมอน ผมก็ไม่สามารถขยับร่างกายได้ วินาทีนั้นหัวใจผมเต้นแรงราวกับจะระเบิดให้ได้ ทันใดนั้นความคิดของผมก็ผุดขึ้นมาว่านี่คงจะเป็นวาระสุดท้ายของชีวิตแล้วสินะ หลังจากคิดได้ไม่นานก็ได้เกิดนิมิตขึ้นมาในหัวว่ามีกลุ่มโจรกำลังจะเข้ามาปล้นบ้าน ผมก็ได้มีความคิดว่า เหตุใดพวกเขาจึงต้องมาเบียดเบียนพวกเราด้วย คงเป็นเพราะในอดีตชาติคงได้เคยทำกับพวกเขาไว้ ชาตินี้พวกเขาจึงมาเอาคืน พอคิดได้อย่างนั้นก็กระทำในใจว่าจะขอไม่ผูกอาฆาตพยาบาทต่อกันอีก ให้ชดใช้กันให้หมดในชาติภพนี้ และจะอโหสิกรรมให้หากพวกเขาเหล่านั้นจะมาปลิดชีพผม เพราะยังไงผมก็จะตายอยู่แล้ว ทันใดนั้นภาพนิมิตทุกอย่างได้หายไป เปรียบเสมือนการผ่านบททดสอบทางจิตใจ และได้เข้าสู่กระบวกการยกระดับทางจิตวิญญาณสู่การตื่นรู้ โดยภายหลังจากจบกระบวนการยกระดับทางจิตวิญญาณแล้ว ผมก็ได้ยินเสียงสวรรค์แว่วมาว่า เจ้าจงอยู่ต่อไปได้ไหม? และผมก็ได้ตอบกลับเสียงสวรรค์นั้นไปว่า ถ้าผมยังมีประโยชน์ต่อโลกใบนี้ ผมอยู่ต่อก็ได้ พอสิ้นบทสนทนาเหมือนผมได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ซึ่งเหตุการณ์ตรงนี้เองที่ทำให้ผมประหลาดใจว่าทำไมโชคชะตาชีวิตของผมถึงคล้ายกับตัวละครอย่าง Marc Spector ที่เกือบจะสิ้นใจแต่ก็ได้รับการชุบชีวิตจากเทพเจ้าแห่งจันทรา นามว่า Khonshu และ Marc Spector ต้องรับใช้เทพเจ้าแห่งจันทรา ในคราบ MOON KNIGHT หรือที่ผมได้สนทนากับเสียงสวรรค์นั้นอาจจะเป็นเทพเจ้าแห่งจันทราก็เป็นได้ เพราะผมรู้สึกว่าตัวเองเชื่อมต่อกับอารยธรรมอียิปต์โบราณ เริ่มหันมาสนใจในศาสตร์ลี้ลับอย่างคัมภีร์มรกตของธ็อธ ซึ่งเป็นศาสตร์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับจักรวาลและดวงดาว และได้จับผลัดจับผลูมาศึกษาในศาสตร์แห่งไพ่ยิปซี และมีแนวคิดว่าจะใช้ไพ่ยิปซีเป็นเครื่องมือในการส่งสารให้ผู้คนได้ตื่นรู้ทางจิตวิญญาณเหมือนผม ภายหลังจากเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น มุมมองการใช้ชีวิตของผมก็เปลี่ยนไป เข้าใจสัจธรรมของชีวิตมากขึ้น และได้โทรคุยปรับความเข้าใจกับเพื่อนคนนั้น และขออโหสิกรรมทั้งปวงในวันที่ยังมีลมหายใจอยู่ จะได้ไม่เป็นการผูกเวรผูกกรรมกันต่อไปในชาติภพหน้า เปรียบเสมือนผมได้จบปริญญาตรี คณะเจ็บแล้วจำมศาสตร์ สาขาวิชาการอโหสิกรรม มหาวิทยาลัยแห่งชีวิต ณ ดาวโลก ที่ใช้เวลาร่ำเรียนถึง 7 ปีจึงจะจบการศึกษา
ลาก่อนครับคุณผู้อ่าน ขอบคุณ ขอบคุณที่อ่านเรื่องราวของผม
ด้วยรักและปรารถนาดี
ณัฐSonoftheMoon
1มี.ค.65
ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่
PIGEON-MANPODCASTช่องทางAnchor
PIGEON-MANCHANNELช่องทางYouTube
Pigeon-ManFanpageช่องทางfacebook