หากถามว่าทำไมคนไทยถึงนิยมซื้อ “รถยนต์” เป็นของตัวเองแม้ว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายต่อเดือนเป็นค่าผ่อนงวดเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ด้วยการซื้อความสะดวกสบายแล้วเชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญเลย แถมมีความคล่องตัวมากกว่าสามารถกำหนดเวลาในการเดินทางได้ และที่สำคัญไม่จำเป็นต้องพึ่งรถโดยสารสาธารณะให้เสี่ยงต่อโรคระบาดอีกด้วย และยังไม่สามารถกะเวลาแน่นอนได้ อย่างไรก็ตามนอกจากค่างวดรถยนต์ที่ต้องผ่อนจ่ายทุกเดือนแล้ว ในทุกปีเจ้าของรถจะต้อง ต่อภาษีรถยนต์ และประกันรถยนต์ภาคสมัครใจเพื่อใช้ เคลมประกันรถ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ แต่การต่อภาษีและ ต่อประกันรถยนต์ใช้เอกสารอะไรบ้าง วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก
เอกสารสำหรับการต่อภาษีรถยนต์
สำหรับ ต่อภาษีรถยนต์ นั้นทางกรมขนส่งกำหนดให้สามารถต่อภาษีได้ล่วงหน้าก่อนหมดอายุอย่างน้อย 3 เดือนโดยต้องเตรียมเอกสารอย่าง สำเนาแสดงการจดทะเบียนรถยนต์หรือเล่มทะเบียนรถยนต์ตัวจริง เอกสารประกันภัยภาคบังคับหรือ พ.ร.บ. ที่ยังไม่หมดอายุ อย่างไรก็ตามหากเป็นรถยนต์ที่มีอายุเกิน 7 ปี จะต้องเพิ่มเติมใบรับรองการตรวจสภาพรถยนต์ที่ออกโดย ตรอ. หรือสถานตรวจสภาพรถเอกชนที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก โดยสามารถนำไปต่อภาษีได้หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานขนส่งทั่วประเทศ ที่ทำการไปรษณีย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้าที่เข้าร่วมโครงการช้อปให้พอแล้วต่อภาษี หรือ Shop Thru for Tax นอกจากนั้นยังสามารถต่อภาษีผ่านช่องทางออนไลน์ของกรมขนส่งทางบกได้อีกด้วย
เอกสารสำหรับการต่อประกันภัยรถยนต์
โดยทางกฎหมายนั้นไม่ได้มีข้อบังคับทางกฎหมายให้ทำประกันภัยภาคสมัครใจ แต่ถึงอย่างนั้นคนมีรถส่วนใหญ่ก็นิยมทำประกันภัยรถยนต์ประเภทนี้เพื่อเพิ่มความคุ้มครองให้มากขึ้น ยิ่งหากเราเป็นมือใหม่ เพิ่งออกป้ายแดงไม่นาน หรือเจ้าของรถที่ต้องการความคุ้มครองที่คุ้มค่าและ เคลมประกันรถ ได้ในทุกกรณีนิยมเลือก ประกันชั้น 1 ส่วนรถยนต์ที่มีอายุเยอะหรือผู้ขับขี่มีความชำนาญอาจเลือกเป็นประกันภัยรถยนต์ประเภทอื่นที่ให้ความคุ้มครองน้อยกว่าและราคาถูกกว่า ประกันชั้น 1 สำหรับการต่อ ประกันรถยนต์ นั้นจะดำเนินการผ่าน 2 ช่องทางคือตัวแทนจำหน่ายและช่องทางออนไลน์ ซึ่งหากเป็นการผ่านตัวแทนจำหน่ายผู้ทำประกันจะต้องเตรียมเอกสารสำเนาทะเบียนรถยนต์ ข้อมูลส่วนตัว หรือเอกสารอื่น ๆ ตามที่ตัวแทนต้องการเพื่อนำไปประกอบซื้อประกันภัยรถยนต์ ส่วนการทำประกันภัยรถยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ผู้ทำประกันต้องเตรียมข้อมูลชื่อ นามสกุล เลขที่บัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด อีเมล ข้อมูลที่อยู่ปัจจุบัน ข้อมูลยี่ห้อรถ รุ่นรถ รุ่นย่อย ปีที่ผลิต ปีที่จดทะเบียนรถยนต์ ขนาดเครื่องยนต์ น้ำหนักรถยนต์ เลขที่ตัวถัง เลขเครื่องยนต์ จำนวนที่นั่ง และเลขไมล์จนถึงปัจจุบัน เพื่อนำไปกรอกในเว็บไซต์เพื่อซื้อประกันภัยรถยนต์
จะเห็นได้ว่าต่อประกันรถยนต์และ ต่อภาษีรถยนต์ ในปี 2565 มีความสะดวกสบายมากขึ้น เพราะสามารถเลือกได้ว่าจะเดินทางไปต่อประกัน SCB และต่อภาษีด้วยตัวเองหรือจะดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ แต่ไม่ว่าจะเลือกวิธีไหนแนะนำว่าควรดำเนินการก่อนประกันภัยและภาษีหมดอายุเพราะจะทำให้ใช้งานรถยนต์ได้ต่อเนื่องไม่สะดุดทุกเส้นทางแน่นอน หรือสนใจ ประกันภัยเดินทางไปต่างประเทศ คลิกเลย