หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: SWD โชว์ศักยภาพผู้นำค้าพลอยเนื้อแข็งรายใหญ่  (อ่าน 28 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 26 เม.ย. 23, 10:26 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 
SWD โชว์ศักยภาพผู้นำค้าพลอยเนื้อแข็งรายใหญ่
ชี้ตลาดพลอยไทยต้องเสริม Carat Tax รักษาความเป็นผู้นำการส่งออกพลอยสี


บริษัท เอสดับบลิวดี อิมปอร์ตเอ็กซ์ปอร์ต จำกัด หรือ SWD เผยกลยุทธ์การเป็นผู้นำธุรกิจพลอยเนื้อแข็งกว่า 40 ปี จากการรักษาคุณภาพสินค้า พร้อมปรับโครงสร้างพื้นฐานและนำเทคโนโลยีเข้าอัพเกรดธุรกิจให้ทันสมัยตามเทรนโลก ไปพร้อมกับกลยุทธ์ขับเคลื่อนการส่งออกด้วยการออกงานแสดงสินค้าใหญ่ทั้งไทย และต่างประเทศ เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำส่งออกพลอยของไทย ชี้ผู้ประกอบการต้องการความสนับสนุนภาษีแบบเหมาเพื่ออุดช่องโหว่จากสถานการณ์ขาดวัตถุดิบนำเข้า ให้ไทยยังคงรักษาความเป็นศูนย์กลางส่งออกพลอยสู่ตลาดโลก

นางสาวสุมิตรา ทศศิลาพร กรรมการบริหาร บริษัท เอสดับบลิวดี อิมปอร์ตเอ็กซ์ปอร์ต จำกัด เผยว่า บริษัทฯ เริ่มต้นธุรกิจมากว่า 40 ปีก่อน โดยผู้ก่อตั้งบริษัทฯ คือ คุณวิโรฒ ทศศิลาพร ผู้เป็นบิดา และคุณสมชัย เลิศมณีแดง ผู้ก่อตั้งร่วม ได้เริ่มธุรกิจโดยการลงทุนซื้อพลอยที่ได้รับการเจียระไนแล้ว จากแหล่งพลอยที่จังหวัดจันทบุรีและนำมาจำหน่ายต่อ โดยคงจุดเด่นของบริษัทฯไว้ด้วยการรักษาคุณภาพของสินค้าให้อยู่ในระดับสูงอยู่เสมอ พลอยแต่ละเม็ดจะผ่านการปรับปรุงคุณภาพ-มีการจัดกลุ่มสินค้าอย่างดี ทำให้ง่ายต่อการนำไปขึ้นรูปผลิตเครื่องประดับ จนทำให้ชื่อของ SWD ได้รับการยอมรับและเชื่อมั่นจากคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศมาอย่างยาวนาน

"ปัจจุบันจังหวัดจันทบุรีอาจไม่ใช่เหมืองที่สามารถขุดหาวัตถุดิบได้มากเหมือนในอดีต แต่ยังถือเป็นแหล่งรวมช่างฝีมือในการเผาและเจียระไนพลอยที่มีคุณภาพระดับโลก โดยบริษัทฯจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งกำเนิดพลอยชั้นนำ เช่น ศรีลังกา พม่า โมแซมบิค และส่งให้ช่างฝีมือผลิต จึงทำให้ SWD มีสินค้าหลักอย่าง Ruby, Blue Sapphire, Pink saphire และพลอยหลากสีสัน เช่น สีเขียว เหลือง ฟ้าอ่อน ชมพู ม่วงเรียกรวมเป็น Fancy Sapphire โดยที่ SWD จะขายต่อให้กับคู่ค้าโดยเฉพาะร้านจิวเวลรี่ที่เป็นสัดส่วนกว่า 90%"


สำหรับสัดส่วนการส่งออก SWD มีคู่ค้าในประเทศอยู่ที่สัดส่วน 30% และคู่ค้าต่างประเทศ 70% โดยลูกค้าหลักจะอยู่ในกลุ่มเอเชีย และยุโรป คือ จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อิตาลี อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี โดยที่บริษัทฯยังได้นำจุดแข็งของตัวเองมาใช้ในธุรกิจการส่งออก ด้วยการจัดกลุ่มสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้ซื้อในแต่ละพื้นที่ เช่น แถบเอเชียที่นิยมในพลอยแดง หรือแถบยุโรปที่เน้นใช้งานด้านแฟชั่นและนิยมใน Fancy Sapphire ซึ่งรูปแบบการทำตลาดต่างประเทศ นอกเหนือจากการรักษาฐานลูกค้าเก่าอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว SWD ยังมุ่งเน้นใช้แพลตฟอร์มงานแสดงสินค้าใหญ่ของอินโฟม่ามาร์เก็ตส์เป็นกลยุทธ์หลักในขับเคลื่อนธุรกิจอีกด้วย

โดยในทุกปี SWD จะมีการเข้าร่วมงานแสดงสินค้ารวม 7 งาน ทั้งไทยและต่างประเทศ เช่น ประเทศฮ่องกงสำหรับตลาดเอเชีย และในเมืองวิเซนซา ประเทศอิตาลี สำหรับตลาดฝั่งยุโรป รวมถึงในประเทศไทย โดยในปี 2566 นี้ บริษัทฯจะเข้าร่วมจัดแสดงสินค้าในงาน "Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2023" (JGAB 2023) ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 26-29 เมษายน 2566 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่ง นางสาวสุมิตรา ให้ความเห็นว่างานนี้จะเป็นการต่อยอดที่ดีหลังการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเต็มตัว รวมถึงชื่อของงาน JGAB ที่เป็นที่รู้จักในระดับสากล จะช่วยให้ผู้ซื้อเลือกเดินทางมาร่วมงานในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลดีกับบริษัทฯและผู้ประกอบการไทยรายอื่น ๆ

"เวลากว่า 2 ปี ในช่วงล็อคดาว์นจากสถานการณ์โควิด ต้นทุนราคาพลอยปรับสูงขึ้นสวนทางกับปริมาณการซื้อ ดังนั้น ถือเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการจะใช้งานแสดงสินค้านี้พบปะผู้ซื้อจากไทยและต่างชาติเพื่อเจรจาธุรกิจและอัพเดทสถานการณ์รวมของอุตสาหกรรมในช่วงโควิตที่ผ่านมา"


นอกจากนี้ คุณสุมิตรายังให้ข้อมูลเพิ่มว่า แม้ผู้บริหารรุ่นบุกเบิกของ SWD ได้มีการวางพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแรงไว้อย่างมาก แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยหลายด้าน ทำให้บริษัทฯ มีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 'หน้าร้าน' ที่ปรับเปลี่ยนลดความสำคัญของการตั้งโชว์สินค้าลง แต่เพิ่มโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีแทนรวมถึงแพลตฟอร์มการจัดการระบบ เพื่อตอบโจทย์การติดต่อนัดหมายลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผลของการปรับตัวนี้ ทำให้บริษัทฯสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงสถานการณ์โรคระบาด และสร้างรายได้เติบโตขึ้นอีก 30% หลังการเปิดประเทศ

นางสาวสุมิตรา กล่าวต่ออีกว่า มูลค่าการส่งออกธุรกิจอัญมณีไทยมีรายได้เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ซึ่งหากนับเฉพาะตลาดพลอยในปี 2565 มีอัตราการขยายตัวมากขึ้นจากปี 2564 ถึง 69.15% หรือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1,181 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเมื่อเทียบกันในปริมาณการส่งออก ประเทศไทยถือเป็นผู้นำลำดับต้นของเอเชียจากจุดแข็งด้านการสร้างสรรค์งานคุณภาพสูง ทว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างศรีลังกา เราถือว่าเสียเปรียบที่ไม่มีแหล่งวัตถุดิบเป็นของตัวเอง และเท่ากับว่าถ้าคู่แข่งพัฒนาฝีมือการเจียระไนได้ใกล้เคียงกับเราเมื่อไร การแข่งขันก็จะยิ่งยากและเสี่ยงต่อการเสียส่วนแบ่งในตลาดไปมากขึ้น

"แม้ในภาพรวมประเทศไทยจะยังเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง แต่ก็ต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอเพื่อหนีจากคู่แข่งที่เข้ามาในตลาด นอกจากนั้น ผู้ประกอบไทยยังต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐในการตกลงค่าภาษีแบบเหมา หรือ Carat Tax เพื่อทำให้การจัดการภาษีวัตถุดิบพลอยก้อนทำได้ง่ายขึ้น และช่วยผลักดันสร้างยอดการส่งออกให้สูงขึ้นเพื่อรักษาความเป็นศูนย์กลางของพลอยเนื้อแข็งต่อไป" นางสาวสุมิตรา กล่าวทิ้งท้าย
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

Tags:  เอสดับบลิวดี อิมปอร์ตเอ็กซ์ปอร์ต  SWD  พลอย  อัญมณี  Carat Tax  ภาษีแบบเหมา 

หน้า: 1

 
ตอบ

ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:  
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม