ลูกสาว รมต.ยุติธรรม ไม่ได้สวยแค่หน้าตา!!!

“ไม่เคยคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นหรือพิเศษกว่าใคร”

เรื่องราวอีกมุมหนึ่งของชีวิตธิดาคนโต รมว.กระทรวงยุติธรรม และหลานสาวเจ้าของ โรงแรมดุสิตธานีกับความสุขในวิถีเรียบง่าย และความตั้งใจที่จะสร้างธุรกิจสะท้อน ความเป็นไทยในสไตล์ของเธอ

ณ บ้านพักย่านทองหล่อ บุตรสาวคนโตในจำนวนพี่น้อง 4 คน (ชลิตา อายุ 23 ปี, ภัทร อายุ 21 ปี และฝาแฝด ภัทรพร-ภัทรพรรณ อายุ 16 ปี) ทายาทของรัฐมนตรี พีระพันธุ์ และ สุนงค์ สาลีรัฐวิภาค แต่งกายในชุดสบายๆ พร้อมส่งยิ้มสดใสทักทายพลางเล่าเรื่องตัวเองสั้นๆ ตามประสาคนไม่ช่างเจรจา

“เพิ่งจบคณะเศรษฐศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อปีที่แล้ว เคยทำงานที่ บมจ.ซีพี ออล และ บริษัท ซังออนอเร่ (กรุงเทพ) จำกัด (ผู้แทนจำหน่ายสินค้าจากฝรั่งเศส ยี่ห้อแอร์เมส) เป็นเวลา 1 ปี เพราะอยากเรียนรู้ชีวิตการทำงานจริงๆ ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งทั้งสองบริษัทก็ให้โอกาสเรียนรู้งานหลายด้านเหมือนที่ตั้งใจไว้ทั้งเรื่องบริหารการจัดการ การสำรวจตลาด และการค้าขายปลีก

ถามว่าทำไมไม่ไปทำกับธุรกิจของครอบครัว (โรงแรมดุสิตธานีและศูนย์การค้า เพนนินซูล่า) ก็อยากลองหาประสบการณ์จากที่อื่น เพื่อจะได้เรียนรู้และค้นหาตัวเองว่าเรามีความชอบหรือถนัดด้านไหนอีก และที่สำคัญได้ทำงานกับบริษัทอื่นเพียงครั้งเดียว แล้วลักษณะธุรกิจก็แตกต่างจากธุรกิจครอบครัวมิ้นท์ด้วย” หญิงสาวบอกถึงความตั้งใจ ก่อนบินไปศึกษาปริญญาโทที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในอีกไม่นานนี้

ด้วยความที่เติบโตในครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นอดีตผู้พิพากษาและข้าราชการตุลาการ ก่อนก้าวสู่แวดวงการเมืองตั้งแต่ปี 2539 จึงถามถึงความเป็นไปได้ว่า จะมีวี่แววสู่เส้นทางการเมืองในอนาคตหรือไม่ บุตรสาวคนโตของบ้านส่ายหน้าพร้อมบอกว่า
รักจะเป็นนักธุรกิจเหมือนคุณแม่มากกว่า

“คุณพ่อตามใจลูก ชอบอะไร อยากทำอะไรก็ให้ไปทำอย่างนั้น มิ้นท์เป็นคนชอบรับประทานอาหาร อยากเปิดร้านอาหารไทย เคยคุยกับเพื่อนๆ ว่าอยากลงขันเปิดร้านด้วยกัน แต่ตั้งใจไว้จะเปิดร้านอาหารไทยที่เมืองนอก เพราะคนไทยที่อยู่เมืองนอก บางครั้งก็นึกถึงอาหารไทย อย่างมิ้นท์เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน (หนึ่งในหลักสูตรคณะเศรษฐศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ) ตอนนั้นอยู่ที่เวียนนา 3 เดือน เวลาเราทำอาหารไทยก็จะชวนเพื่อนชาวต่างชาติมารับประทานด้วย ซึ่งเขาก็ชอบนะ...แล้วก็กลายมาเป็นแรงบันดาลใจ ทำให้อยากทำธุรกิจเหมือนคุณแม่และคุณยาย
(ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย)

มิ้นท์ว่าอาหารไทยก็มีอะไรดีๆ เลยอยากให้คนอื่นโดยเฉพาะชาวต่างชาติได้รู้จักเหมือนอย่าง คุณยายทำโรงแรมแล้วขยายสาขาไปต่างประเทศ แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ไทยไว้ ทำให้ชาวต่างชาติได้รู้ ได้เห็น ศิลปวัฒนธรรมของประเทศเรา เช่นเดียวกับอาหารไทยที่สะท้อน ถึงภูมิปัญญาคนไทยให้ชาวต่างชาติได้รับรู้ มิ้นท์รู้สึกว่าเวลาไปร้านอาหารแล้วมีความสุข ไม่ว่าไปกับเพื่อนหรือครอบครัวก็ตาม”

ความที่มีอุปนิสัยเรียบร้อยบวกกับไลฟ์สไตล์ส่วนตัวที่เป็นคนง่ายๆ สบาย ๆ จึงไม่แปลกใจที่ ว่ากันว่าเธอเป็นลูกคนโปรดที่คุณพ่อคุณแม่หวงและห่วงมากที่สุด เธอยิ้มอายๆ พลางส่ายหน้าเชิงปฏิเสธพร้อมชี้แจงว่า

“ไม่หรอกค่ะ คุณพ่อคุณแม่ก็รักลูกทุกๆ คนเท่ากัน ท่านสอนให้รู้จักรับผิดชอบ และช่วยเหลือคนอื่น ตอนเด็กๆ มีคนคอยไปรับไปส่ง หรือมีพี่เลี้ยงไปด้วย แต่พอโตช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว จะไปไหนทำอะไรก็ไปเองหมด มิ้นท์ไปช็อปปิ้งหรือเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ คุณพ่อคุณแม่ก็อนุญาตให้ไป แต่ต้องไปบอกท่านก่อนว่าจะไปไหน กลับกี่โมง”

แอบกระซิบถามว่าใครดุกว่ากันระหว่างคุณพ่อและคุณแม่ น้องมิ้นท์กระซิบกลับมาว่า “คุณพ่อเนี้ยบกว่าคุณแม่ แต่ส่วนใหญ่แล้วมิ้นท์ไม่เคยถูกท่านทั้งสองดุ เพราะไม่ได้ออกไปไหนมากกว่า”

เธอยิ้มพลางบอกว่า แม้คนภายนอกมองว่าเธอเป็นคุณหนูที่มีความเป็นอยู่สุขสบาย แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นหรือพิเศษกว่าใคร และเวลาว่างส่วนใหญ่เธอก็ มีความสุขกับงานอดิเรกที่รัก ทั้งการวาดรูป และเล่นตีเทนนิสกับน้อง ๆ หรือไม่ก็หัดทำขนมและอาหาร ซึ่งเป็นความสุขมากกว่าออกไปเฉิดฉายในฐานะเซเลบริตี้ที่เจ้าตัวเปรยว่า “ไม่เป็นตัวของตัวเองสักเท่าไหร่” นั่นเอง

http://www.whoweeklymagazine.com/people_content_detail.php?t=thai&t1=people&id=247[/img]

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน