ชำแหละรบ.ปู1ยึดพวก-สร้างหนี้...!!!


เสวนา“โฉมหน้าคณะรัฐมนตรีใหม่ อนาคตรัฐบาลไทย” แฉปมใหญ่ยึดพวกพ้อง “จรัส” จวกนโยบายเพื่อไทยทำประเทศหนี้สูงลิ่วตามก้นยุโรป ด้าน “ชูวิทย์” ยก 4 ข้อหลักตั้งรัฐมนตรีชัดล้วนต่างตอบแทนหนักกว่ายุคหุ่นเชิด 16ส.ค.54 ที่อาคารประชาธิปก รำไพพรรณี ศูนย์ติดตามประชาธิปไตยไทย (TDW) ได้จัดเสวนา
“โฉมหน้าคณะรัฐมนตรีใหม่ อนาคตรัฐบาลไทย” โดยมี นายจรัส สุวรรณมาลา อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย นายวิสุทธิ์ คมวัชรพงษ์ นายกสมาคมวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมเสวนานำเสนอแนวทางการดำเนินการวิเคราะห์ที่มาของการจัดตั้งรัฐบาลคณะรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
นายจรัส กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีชุดนี้มีความแปลกใหม่หลายอย่างมีนายกฯเป็นผู้หญิง มีโควตาหลายกลุ่มหลายภาคแล้วมีการเอาพรรคร่วมจะให้มีเพื่อนในสภา ไม่ได้ต้องการเสียงข้างมาก เหตุใดรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากอย่างพรรคเพื่อไทยมีเสียง 265 เสียง น่าจะเลือกผู้ที่เหมาะสมกับปัญหาได้ดีกว่านี้ ขณะที่ความคาดหวังของประชาชนต่อคณะรัฐมนตรีที่น่าจะมีหน้าตาดีกว่านี้มาก แต่ที่ออกมาจริงอาจจะผิดหวังสมหวัง ขณะเดียวกันจุดแข็งของครม.ชุดนี้มีทีมเศรษฐกิจที่ค่อนข้างจะดี
ส่วนจุดอ่อนได้จัดคนในตำแหน่งที่อาจจะไม่ค่อยไปด้วยกัน เช่น รัฐมนตรีต่างประเทศ โดยรวมที่เป็นรมต.เก่าที่มาจากพรรคร่วมเดิมมาเป็นใหม่ก็มี บางคนโตมากับครอบครัวที่พ่อหรือสามีเคยเป็นนักการเมืองเป็นเคยเป็นรัฐมนตรีแล้วส่งต่อมาให้ภรรยา ลูก มาเป็นรัฐมนตรี ดังนั้นรัฐมนตรีชุดนี้ถ้าให้
คะแนน โดยรวมถ้าเต็ม10 ให้สักประมาณ7 อีก 3 คะแนนที่ยังไม่ให้คงต้องดูความสามารถทำ
งานได้จริงไหม
“นโยบายพรรคที่รัฐมนตรีเหล่านี้ต้องไปทำ มีคนพูดนโยบายกับคนที่เป็นรัฐมนตรีอาจไม่ได้ไปด้วยกัน โดยรัฐมนตรีเหล่านี้ไม่ได้มีส่วนร่วมกำหนดนโยบายเท่าไรนัก อาจกำหนดโดยคนกลุ่มหนึ่งหรืออีกชุดที่ไม่ใช่คนที่มาเป็น การเตรียมแถลงนโยบาย เป็นการเตรียมแถลงให้เป็นทางการ แต่ตัวนโยบายเหมือนถูกเซ็ตตั้งมาแล้ว ผมไม่แน่ใจว่ารมต.เหล่านี้มีแนวทางอย่างไรบ้าง แต่ที่แน่ๆคือ นโยบายเพื่อไทยที่ประกาศตอนหาเสียงคือ จะใช้เงินมหาศาล แล้วมีปัญหาตามมาคือ ฐานะทางการคลัง รายจ่ายจำนวนมากที่ต้องใช้ไปขับเคลื่อนนโยบายเยอะ ” นายจรัส กล่าวและว่า มีการประเมินหนี้หลัง
เลือกตั้ง 4 ปี ถ้าพรรคเพื่อไทยขับเคลื่อนนโยบายจะมีหนี้ขั้นต่ำประมาณ 6.6 ล้านล้าน หรือขั้นสูงประมาณ 7.7 ล้านล้าน หนี้จะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 40% หนี้อย่างมากจะเป็น 83% ยังสู้อเมริกา อิตาลี สเปน หรือกรีกไม่ได้ ตอนนี้ประเทศเหล่านี้ล้มละลายไปแล้ว หากประเทศไทยเดินตามเช่นนั้น จำนวนหนี้จะสูงขึ้นแน่นอน ดังนั้นรัฐมนตรีแต่ละคนต้องช่วยกันดูแลตรงนี้ด้วย
ด้านนายชูวิทย์ กล่าวว่า สังคมไทยเป็นสังคมการแบ่งปันอำนาจ มีอำนาจนักการเมือง พ่อค้า อำนาจเก่า อำนาจทหาร แล้วแบ่งปันอย่างมีความสุข แต่ยุคทักษิณได้เอาอำนาจมาอยู่ที่ตัวเอง นักการเมืองพรรคเล็ก พรรคน้อย พ่อค้า นักธุรกิจเอามาอยู่ด้วย จนโดนปฏิวัติ แต่วันนี้ทักษิณเรียนรู้แล้ว เริ่มแบ่งเป็นแล้ว พรรคการเมืองเสียงเดียวยังเอาไปอยู่ด้วย ซึ่งในการตั้งคณะรัฐมนตรีครั้งนี้เป็นรูปแบบปกติของการเมืองไทยที่มีรูปแบบ ดังนี้ 1.ตั้งคนใกล้ชิดเข้ามาเป็นคณะรัฐมนตรี เพื่อจะสั่งให้ทำตามได้ และไม่แข็งข้อกับรัฐบาล
2.ตอบแทนกลุ่มการเมือง เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่เข้ามาร่วมรัฐบาลด้วยกัน ทำให้ไม่ได้คนมีความรู้ ความสามารถเข้ามาดูแล
3.ตอบแทนบุญคุณ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดนทำลายไว้มากในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีคนที่ดูแลพรรคแทนและกลุ่มการเมืองอยู่ เมื่อได้เป็นรัฐบาลจึงต้องตอบแทน และ
4.ตั้งเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะด้าน เพื่อสานงานบางเรื่องต่อ เช่น การตั้งนายธีระ วงศ์สมุทร คนของพรรคชาติไทยพัฒนา เข้ามาเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อสานงานกระทรวงฯต่อ ทั้งที่ไม่ได้สร้างผลงานอะไรแม้จะเคยเป็นรัฐมนตรีมาก่อนหน้านี้ ทำให้ไม่ได้คนมีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงาน