ต้องขอโทษอย่างแรงสำหรับเมื่อวาใครที่ติดตามในเรื่องของการทดสอบรถ Nissan Sylphy ใหม่ ที่ Bonn ได้มาทดสอบที่เชียงใหม่กะเจ้า ซึ่งเราก็ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ในการที่ล่าช้า พอดีรู้สึกไม่ค่อยสบายเลยรีบนอนไวกัน แมทช์การทดสอบ Nissan Sylphy ในครั้งนี้ เป็นการทดสอบในส่วนของสมรรถนะมากกว่า และ ทันทีที่แตะเท้าลงพื้นเชียงใหม่ฝนก็ตกหนักต้อนรับเราไม่แน่ใจว่าจะฤกษ์ดีหรือเปล่าที่แน่นอนคือว่า
งานนี้มีมันส์
ภาพรวมการออกแบบ Nissan Sylphy ใหม่ เน้นในตำแหน่งความหรูเหมือนที่ทำมาแล้วกับทั้ง Almera และ Teana ซึ่งน่าจะถูกใจหลายคน เพราะตำแหน่งนี้ยังไม่มีใครจับจองสืบเนื่องจากหลายผู้ผลิตต่างพร้อมใจลงไปเล่นตลาดสปอร์ตกันหมด
ความแตกต่างนี้ ทำให้ Nissan Sylphy เป็นอารมณ์ที่แตกต่างมากมายจนคงจะถูกใจใครหลายคน แต่ถึงอย่างงั้น มันก็ให้เสน่ห์ที่ไม่ได้หรูเกินไปจนเป็นลีมูซีนแบบเทียน่า แต่กลับให้ฟีลลิ่งที่ชัดเจนในความสามารถที่เป็นรถยนต์นั่งที่มีคลาสมากกว่าทั่วไปในราคาที่หลายคนจับต้องได้ โอบด้วยความทันสมัยอย่างไฟ LED ที่รถคลาสเดียวกันไม่มีมาให้ถือเป็นจุดขายใหม่ที่ลงตัว
ในห้องโดยสารฟีลลิ่งเดียวกันนี้ยังเป็นคำตอบและเรารับเป็นคนขับมือแรก ด้วยพี่ J!MMY แห่ง Headlightmag.com เขาขอมาเพราะทางโค้งเขาเมารถ เราก็เลยขับในช่วงนี้ ซึ่งจากเส้นทางโดยรวมเป็นทางหลวงเสียส่วนใหญ่
การเดินทางของเราใน Nissan Sylphyต้องยอมรับในเรื่องการเก็บเสียงที่ดีมาก.. ในห้องโดยสารเรียกว่าดีที่สุดในคลาส แต่กระนั้นน้องน้ำฝนก็เหมือนจะอยากโชว์อะไรเราบางอย่าง และด้วยถนนที่แฉะทำให้เราพบจุดบอดข้อแรกของตัวรถ และมันคือเรื่องความเงียบนี่เองที่เป็นหอกข้างแคร่มาทำร้าย เนื่องจากในขณะที่ห้องโดยสารดูเงียบดี แต่ที่ซุ้มล้อด้านหลังในช่วงสัมภาระท้ายกลับไม่เป็นเช่นนั้น และเสียงน้ำที่ตวัดกวัดแกว่งสู่ซุ้มล้อก็กลายเป็นเสียงที่ไม่พึงประสงค์ในรถคันนี้ และมันชัดเจนค่อนข้างมาก
เสียงฟังแล้วดรอปความรู้สึกไป ยังสู้อะไรไม่ได้เมื่อเทียบกับในส่วนหัวหมอนที่อาจจะเป็นเรื่องของความปลอดภัย แต่เมื่อชักขึ้นตอนก่อนก่อนขับขี่กับรู้สึกว่ามันผลักคอให้ตำลง ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวนัก และเหมือนเรานั่งก้มหน้าเฉียงลงตลอดเวลา ซึ่งเมื่อขับขี่นานๆ ทำให้เมื่อยบ้าง แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ในเรื่องของเบานั่งและช่วงพนักผิงก็เลิศมาก เพราะคนตัวใหญ่อย่างเรานั่งสบายพอสมควร
ในวันนี้เรามาขับในส่วนของรุ่น 1.8 ลิตร ซึ่ง ภาพรวมเรื่องสมรรถนะเครื่องยนต์ทำออกมาได้อย่างลงตัวในแง่ของกำลังเครื่องยนต์เองที่มากมายพอที่จะขับเคลื่อนรถได้อย่างนิ่มนวล และด้วยระบบเกียร์ CVT ก็ตอบโจทย์การทำงานดีมาก โดยที่ความเร็วราวๆ 120 จะใช้รอบเครื่องราวๆ 1900 รอบต่อนาที และในระหว่างการขับขี่พี่จิมมี่ และผมก็ได้ลองจับอัตราเวลาทดสอบดูในเรื่องอัตราเร่ง 80-120 ได้ 9.23 วอนาที ถือว่าโอเค
ประเด็นสำคัญในเรื่องนี้คือว่าเกียร์ CVT เองที่ทำงานต่างจากระบบเกียร์อัตโนมัติทั่วไปอาจจะทำให้ฟีลลิงที่แตกต่าง ด้วยการเดินคันเร่งที่ไม่เหมือนกัน แต่ใสขณะที่รถอาจจะมีความรู้สึกว่าไม่พุ่งปรู๊ดรอบต้องกวาด แต่ความเร็วนั้นทะยานขึ้นอย่างชัดเจน แต่ขณะเดียวกันนี้พอทางเขาที่ชันก็มีออกอาการงอแงเล็กๆ เพราะ ถ้าเราใช้อัตราเร่งเท่าเดิม รถจะขึ้นไม่ได้ส่วนหนึ่งคือการตอบสนองที่ยังช้าอยู่เล็กหน่อย หลายครั้งที่เราต้องจบลงด้วยการจุ่มคันเร่งลงไปอีก แต่ ถ้าไม่อยากจุ่มก็กดปุ่ม overdrive / Sport โหมดจะช่วยได้ ทั้งในยามขึ้นและลงเขา
เรื่องหนึ่งที่เราค่อนข้างเป็นห่วงใน Nissan Sylphy คือเรื่องพวงมาลัย ที่สามารถตอบสนองได้ดี ในความ
แม่นยำแบบแอบฟรีเล็กๆ แต่ด้วยน้ำหนักของมันกลับเบาหวิว ซึ่งดีต่อการขับขี่ในช่วงเขตเมืองทำให้รถคล่องตัว แต่กระนั้นในยามความเร็ว มันก็ยังเบาอยู่ จะมาดีขึ้นอีกทีก็ต้อน 130 ขึ้นไป ซึ่งแน่นอนมันไม่ดีแน่ และเราก็มีโอกาสบอกข้อนี้กับ นิสสัน เพื่อนำไปทดสอบและปรับปรุงต่อไปในหลายๆส่วนที่สำคัญของรถ Nissan Sylphy
สรุปรวม Nissan Sylphy คือรถคอมแพ็คคาร์แนวหรูที่ลงตัวในสมรรถนะการขับขี่แบบรถหรูแอบสปอร์ตเล็กๆตามสไตล์ค่ายรถยนต์ Nissan ซึ่งภาพรวมรถคันนี้ถือว่าดีพอที่จะซื้อแต่ก็ยังมีจุดบอดพอสมควรในหลายเรื่อง และใครที่กำลังมองหาเรื่องอัตราประหยัด ระหว่างการทดสอบนี้เราทำได้ 11.9 ก.ม./ลิตร จากมาตรวัด ส่วนบททดสอบฉบับเต็มติดตามอ่านมาได้ในเร็วๆนี้