ไม่รู้จะเรียกว่า ผล
งานชิ้นโบดำ หรือโบแดง ???
สำหรับปัญหาการก่อสร้างโรงพักทั่วประเทศ 396 แห่ง ทดแทนโรงพักหลังเก่า และการก่อสร้างแฟลตตำรวจ 163 หลัง ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ว่าจ้าง บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น เป็นผู้ดำเนินการ แต่กลับเกิดปัญหาล่าช้า ทิ้งงาน และมีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถก่อสร้างเสร็จภายในวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2556 ตามสัญญา
ด้านหนึ่งต้องเรียกว่าเป็นผลงานชิ้นโบดำ เพราะมีร่องรอยความผิดปกติ ส่อว่าอาจมีการฉ้อโกง และฮั้วประมูล แถมยังส่งกลิ่นตุๆ ออกมาอีกว่า งานนี้นักการเมืองและข้าราชการ "บิ๊กเนม" อาจมีเอี่ยว
แต่ที่น่าอับอายมากที่สุดก็เพราะปัญหา "โรงพักร้าง" ก่อความเดือดร้อนให้ประชาชนและตำรวจอย่างแสนสาหัส ทั้งยังต้องหาวิธีแก้ปัญหาไปตามมีตามเกิด
ส่วนอีกด้านหนึ่งที่ต้องเรียกว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดง เพราะ เมื่อมองมุมกลับ-ปรับมุมมอง
ตามภาษาวัยรุ่นสมัยนี้จะพบว่าวิกฤต "โรงพักร้าง" เป็นโอกาสให้ตำรวจและประชาชนได้แสดงน้ำใจน้ำจิต สปิริตคนไทย
บ้างก็ร่วมลงขันจัดผ้าป่าระดมทุน หรือไม่
ก็หาสถานที่แก้ขัด ดัดแปลง "โรงพักชั่วคราว" ที่ (จำเป็นต้อง) ไม่เหมือนใครในโลก ...
เริ่มที่ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โชว์ไอเดียเด็ดจัดหา ตู้คอนเทนเนอร์ ของ รพ.ทุ่งสง มาปรับปรุงเป็นห้องขังชั่วคราว ส่วนผู้ต้องหาที่ต้องโทษหนักต้องนำไปฝากขังที่เรือนจำกลางทุ่งสง สำหรับอาคารที่ทำการของโรงพักก็อาศัยใช้อาคารหลังเก่าที่เหลืออีก 1 หลัง ของ รพ.ทุ่งสง ทดแทน
ด้าน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีโครงการก่อสร้างอาคารหลังใหม่ มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท แต่ผู้รับเหมาไม่ดำเนินการตามสัญญาจ้างและก่อสร้างผิดแบบแปลน และคาดว่า ต้องทุบโครงสร้างบางส่วนเพื่อก่อสร้างใหม่ ขณะนี้มีพ่อค้า
แม่ค้ารายย่อยไปจับจองพื้นที่รกร้างว่างเปล่าเพื่อขายของ เรียกว่า แม้แต่โรงพักร้างก็ยังทำประโยชน์ให้ประชาชนได้เหมือนกัน (ฮา)
ส่วน สภ.สามพราน จ.นครปฐม แรกเริ่มเดิมทีย้ายไปสร้างที่ทำการชั่วคราวบริเวณหลังโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน แต่ด้วยสถานที่ที่ห่างไกลชุมชน ประชาชนมาใช้บริการลำบาก
สุดท้ายจึงต้องเปลี่ยนมา เช่าโรงเรียนเสริมสิทธิ์วิทยา โรงเรียนเอกชนซึ่งเปิดการเรียนการสอน และตั้งอยู่ในตัวตลาดสามพราน ทั้งยังมีพื้นที่กว้างขวาง สามารถรองรับการบริการประชาชนได้ตามปกติ
แต่ต้องหมายเหตุไว้เสียหน่อยว่าต้อง เสียค่าเช่าเดือนละ 30,000 บาท?!
ไปกันต่อที่ สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง ซึ่งประสบปัญหาการก่อสร้างโรงพักแห่งใหม่ไม่แล้วเสร็จเช่นเดียวกัน จนต้องแก้ไขปัญหาด้วยการนำบางส่วนของบ้านพักห้องแถวข้าราชการตำรวจเป็นศูนย์ป้องกันปราบปรามและห้องวิทยุ นำบ้านพักผู้กำกับมาใช้เป็นห้องประชุมและห้องทำงานผู้กำกับ ส่วนตัวผู้กำกับต้องเสียสละไปเช่าโรงแรมนอนชั่วคราว
แต่ไฮไลต์ของ สภ.มาบตาพุด อยู่ที่การ ปรับเปลี่ยนห้องสุขาบางส่วนเป็นห้องขัง เพราะต้องการให้ผู้ต้องขังได้ใช้ห้องน้ำและได้รับความสะดวกตามหลักสิทธิมนุษยชน จากเดิมที่ใช้ตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งร้อนอบอ้าวและอึดอัด
ขณะที่ จ.อุบลราชธานี มีสถานีตำรวจที่ก่อสร้างอาคารใหม่ถึง 8 แห่ง คือ สภ.พิบูลมังสาหาร, สภ.กุดข้าวปุ้น, สภ.นาจะหลวย, สภ.ห้วยข่า, สภ.นาโพธิ์, สภ.โคกจาน, สภ.เอือดใหญ่ และ สภ.หนามแท่ง ซึ่งทั้ง 8 แห่งผู้รับเหมาเพิ่งเข้าไปก่อสร้างได้เพียงแค่ฐานราก และยังไม่ได้ทุบโรงพักเก่าทิ้ง จึงยังมีสถานที่ใช้ทำงานได้เหมือนเดิม
แต่ไอเดียเด็ดกลับเป็นของ สภ.โคกจาน ที่ดัดแปลงฐานรากตัวโรงพักที่จะสร้างมาทำเป็นบ่อเลี้ยงปลานิล, ปลาดุก และปลาตะเพียน จนกลายเป็นจุดสนใจของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมาจำนวนมาก
เช่นเดียวกับ สภ.เชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งนำปลาดุกมาเลี้ยงในหลุมเสาเข็มที่มีน้ำขัง หลังจากได้รื้อถอนโรงพักเก่าออกไป และสร้างอาคารใหม่แทนที่เดิม แต่การก่อสร้างไม่คืบหน้า ลงเสาเข็มมาตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.2554 จนถึงตอนนี้ดัดแปลงใช้เลี้ยงปลาดุกมาได้สองรุ่นแล้ว แม้ตำรวจจะได้ปลามากินแก้กลุ้ม แต่คงไม่อยากเลี้ยงปลาเป็นอาชีพหลัก ขณะที่โรงพักชั่วคราวนั้น ปัจจุบันยังคงขอใช้อาคารหลังเก่าของโรงพยาบาลชุม ต.เวียงเชียงของ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงไอเดีย "โรงพักแบบไทยๆ" ซึ่งเป็น "ผลงานชิ้นโบแดง" จากความร่วมแรงร่วมใจของตำรวจและชาวบ้าน ที่เรียกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และอารมณ์ขันๆ ขื่นๆ ได้เป็นอย่างดี
แม้แต่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ยังขานรับด้วยการจัดประกวดโรงพักชั่วคราวดีเด่น เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ และเพื่อให้สถานการณ์ผ่อนคลายมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ตกรางวัลให้คนสร้าง "ผลงานชิ้นโบแดง" เสร็จแล้ว ก็อย่าลืมเช็กบิลคนสร้าง"ผลงานชิ้นโบดำ" ด้วยนะขอรับ
ที่มา มติชนรายวัน