เจ้าของร้านแว่น ท็อปเจริญ รับ บิวตี้ฟูล บ.เครือเดียวกัน !! เตรียมควบกิจการ
โดย isranews - สำนักข่าวอิศรา
http://www.isranews.org/e/item/23779-top-charoen.html
เจ้าของร้านแว่น "ท็อปเจริญ" ยอมรับ "บิวตี้ฟูล" บริษัทในเครือเดียวกัน ปัดแหล่งฟอกเงิน ยันมีรายได้ดีจากการขายสินค้า เพราะกลยุทธ์การตลาด เผยมีแผนควบรวมกิจการ เข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต

กรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลพบว่าร้านแว่นตาท็อปเจริญ และ ร้านแว่นตาบิวตี้ฟูล มีเจ้าของเป็นคนเดียวกันนั้น
(อ่านประกอบ: เปิดหลักฐานมัด“ท็อปเจริญ&บิวตี้ฟูล”เครือเดียวกัน ก่อนโกยรายได้พันล้าน!!)
เมื่อวันที่ 13 กันยายน นายนพศักดิ์ ตรีพรชัยศักดิ์ กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทร่วมเจริญพัฒนา จำกัด เจ้าของร้านแว่นท็อปเจริญ ให้สัมภาษณ์ยืนยัน สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ร้านแว่นท็อปเจริญและร้านบิวตี้ฟูลเป็นร้านแว่นตาในเครือเดียวกันจริง โดยเป็นหนึ่งในแผนกลยุทธ์ทางการตลาด ที่จะให้ร้านแว่นตาทั้ง 2 แห่ง เป็นร้านใกล้ๆกันและแข่งขันกันเอง ซึ่งขณะนี้ตนมีแนวคิดว่าจะควบรวมกิจการร้านแว่นตาท็อปเจริญและบิวตี้ฟูล ให้เป็นบริษัทเดียวกัน เนื่องจากมีเป้าหมายที่จะนำธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต
ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ร้านแว่นตาท็อปเจริญและบิวตี้ฟูล ไม่ค่อยมีลูกค้าเข้าใช้บริการ แต่กลับมีรายได้จากการขายแว่นตาจำนวนเงินหลายพันล้านนั้น นายนพศักดิ์ กล่าวว่า “ผมได้ยินเรื่องนี้มาเยอะ แต่อยากจะบอกว่า ให้ไปดูร้านอื่นซิ ว่าเป็นเหมือนร้านผมหรือเปล่า ร้านอื่นก็เงียบเหมือนผม และที่สำคัญ เขามานั่งดูร้านผมทั้งวันตั้งแต่เปิดจนปิดหรือเปล่า แค่เดินผ่านมา 5 นาที แล้วบอกว่า ไม่มีลูกค้าขายไม่ได้เลยผมว่า แบบนี้ มันไม่ถูกต้อง”
เมื่อถามย้ำว่า แล้วท็อปเจริญ ขายสินค้าเป็นอย่างไร นายนพศักดิ์ ตอบว่า "สำหรับร้านเรา วันหนึ่งขายได้แค่แว่น 1 หรือ 2 อัน ก็อยู่ได้แล้ว เพราะเรามีแผนกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดี"
เมื่อถามว่า มองอย่างไร ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแหล่ง ฟอกเงิน นายนพศักดิ์ ตอบว่า "ก็อย่างที่ผมบอกไปว่า เขาเดินผ่านหน้าร้านแล้วเห็นว่า ทำไมไม่มีคนเลย อยู่ได้อย่างไง ก็เลยไปคิดกันแบบนั้น ซึ่งผมได้ยินเรื่องนี้มา 20 ปีแล้ว และผมจะบอกให้ คนที่เอาเรื่องนี้ มาพูดกัน ก็พวกร้านแว่นที่ผมไปแชร์ตลาดเขานั้นแหละ เขาก็เอาไปพูดกัน คนก็เลยไปคิดตามว่าเป็นแบบนั้น แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย
นายนพศักดิ์ ยังย้ำว่า ตลาดแว่นตา ยังขยายออกไปได้อีกเยอะ นอกจากในประเทศไทย แล้ว ตนยังเตรียมที่จะขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วย
เมื่อถามว่า ส่วนแบ่งทางการตลาดของ ท็อปเจริญ ปัจจุบันเป็นอย่างไร นายนพศักดิ์ กล่าวว่า “จากตัวเลขที่ออกมายอดขายประมาณ 5,000 กว่าล้านบาท ร้านผมมีรายได้ 4,000 กว่าล้านแล้ว ก็คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 70-80% และผมกล้ายืนยันได้เลยว่า คนไทยที่ใสแว่น จำนวน 10 คน เป็นลูกค้าของผมไปแล้วจำนวน 7 คน เข้าไปแล้ว”