งงตัวเองมากว่า เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว จ่ายเงินค่าพวกนี้ไปได้ยังไงตั้งแพง (30+)ต้อนรับปีใหม่ด้วยการเอาเงินโบนัสไปซื้อโน่นซื้อนี่ พอมีเวลามานั่งคิด เออ...สมัยนี้จะใช้จ่ายอะไรแต่ละที ก็คิดแล้วคิดอีก แต่สมัยเรียนกะเริ่มทำ
งานใหม่ๆ เงินเดือนหมื่นนึง ทำไมกล้าใช้จ่ายมากกว่านี้หว่า เช่น
1. เพจเจอร์ 
ลำพังตัวเครื่องไม่เท่าไหร่ครับ ราคาตกอยู่ประมาณ 2,000-3,500 บาท แต่ค่าบริการรายเดือนตอนนั้นปาเข้าไปเดือนละ 400-500 บาท ยกเว้น PostTel 1188 ที่ค่าบริการจะถูกหน่อยประมาณ 280 หรือไงเนี่ย ตอนนั้นเด็กมัธยมปลายอย่างผมต้องอดออมค่าขนมเพื่อมาจ่ายรายเดือนเอา
ตอนนั้น ใครไฮโซๆ หน่อยต้องใช้ PhoneLink 152 ไม่ก็ Hutchison 162 ครับ ค่าบริการแพงสุด
2. ค่าบริการ Internet 
(รูปหน้าต่าง dial up ถ้าได้ยินเสียงต่อติดจะฟินมาก)
ผมยังจำได้ติดตา ตอนนั้นเรียกร้องให้พ่อติด Internet ให้ อ้างว่าเพื่อการเรียนรู้ 555 (แต่คุ้มจริงๆ นะครับ การลงทุนของคุณพ่อผมในวันนั้น ทำให้ผมมา ณ จุดนั้ได้) ตอนนั้นผมติด Internet เป็นกลุ่มแรกๆ ของเมืองไทยเลยล่ะมั๊ง เพราะค่าบริการมัน 1,200 บาท ต่อเดือน ด้วยความเร็ว 14.4 kbps ย้ำครับ ไม่ใช่ MB นะครับ แต่เป็น kb และราคานี้ใช้ได้เพียง 20 ชม. ต่อเดือนนะครับ ย้ำครับ 20 ชม. ต่อเดือน ด้วยเน็ทพลังเต่า ตอนนั้นถ้าจะโหลดเว็บอะไรใหญ่ๆ เนื้อหาเยอะๆ ไปต้มมาม่ากิน กลับมายังไม่เสร็จเลยครับ ใครไม่เคยสัมผัสอารมณ์ประมาณว่า จะตอบอีเมล์ที ต้องตัดเน็ทก่อนแล้วพิมพ์ พอพิมพ์เสร็จค่อยต่อเน็ทใหม่ แสดงว่าคุณเกิดช้าไปนะครับ
ความเร็วเน็ท ค่อยๆ พัฒนามานะครับ จาก 14.4 kbps มาเป็น 33.6 >> 55.6 >> 128K >> 256K >> 512K >> 1MB >> 3MB >> 5MB >> Now คิดดูแล้วกันครับ มันเต่าขนาดไหน
3. CD รวมโปรแกรม แผ่นทอง สมัยนั้นก็โง่ให้เค้าหลอกเนอะ ถ้าเป็นแผ่นเงิน (Silver) จะราคา 700 บาท ถ้าเป็นแผ่นทอง (Gold) ราคา 1,200 บาท รวมทุกโปรแกรมเทพๆ ที่มีในตอนนั้น ที่ขาดไม่ได้เลยคือ Windows 95, Microsoft Office, Photoshop (ถึงใช้ไม่เป็นก็ต้องลง), Winamp, Winzip, Corel Draw, Illustrator และอื่นๆ อีกมากมายที่ไม่รู้ว่ามันทำอะไร ซื้อมาลงแต่ Windows, MS Office กะ Winamp นั่นแหละ
จนปัจจุบันก็ยังไม่รู้ว่า แผ่นทองมันดีกว่ายังไง ถึงต้องแพงกว่าขนาดนั้น แต่จะว่าไปแล้ว มันก็คุ้มนะครับ มูลค่าโปรแกรมในนั้นราคารวมกันเป็นแสนมั๊งถ้าซื้อลิขสิทธิ์ ตอนนั้นยังเป็นเด็ก ม.ปลายอยู่ ไม่มีปัญญาซื้อหรอกครับ Office ราคาหมื่นกว่าบาท จะขอพ่อ
แม่ก็เกรงใจท่าน
สำหรับตอนนี้ซื้อโปรแกรมลิขสิทธิ์หมดแล้วนะครับ กลับตัวกลับใจแล้วครับ มีรายได้แล้วก็ควรทำทุกอย่างให้ถูกต้องครับ อันไหนเราคิดว่าแพงไปก็ไม่ซื้อครับ ใช้ freeware แทน
4. เครื่องคอมพิวเตอร์ PC 
ยังจำราคาได้เช่นกันครับ คอมพิวเตอร์ Pentium 75MHz ยี่ห้อ Compaq Presario ราคา 65,000 บาทถ้วน!!!!! ซื้อไปได้ครับ ตอนนั้นอ้อนคุณ
แม่ให้ซื้อเพื่อการศึกษา (อีกแล้ว) แต่ยืนยันว่าคุ้มจริงๆ ครับ พอเข้ามหาลัยปั๊บ ผมกลายเป็นคนที่ใช้คอมฯ ได้คล่องที่สุดในคณะ ทำอะไรก็ง่ายไปหมด บ้านผมตอนนั้นไม่ได้รวยเลยนะครับ แต่ต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่วิสัยทัศน์ดี (หรือรำคาญลูกตื๊อผมก็ไม่รู้) ทำให้ผมมีอุปกรณ์พวกนี้มานั่งศึกษา ทำความคุ้นเคยกับมัน และต่อยอดมาจนปัจจุบัน
ตอนนี้น่ะเหรอ PC แรงๆ ตัวนึงมีตัง 2-3 หมื่นก็สเป๊กเทพแล้วครับ ถ้าอยากรู้ว่าสเป๊กเมื่อก่อนมันเต่ายังไง ผมจะไล่ให้ดูครับ
75 MHz >> 100 >> 133 (รุ่นนี้มักจะมีปุ่ม Turbo ด้วยครับ กดที พุ่งไปเป็น 900 MHz ได้เลย 555 แถมมโนว่ามันเร็วขึ้นอีก) >> ... 500 >> 750 >> 1 GHz >> 2 GHz >> Dual Core >> Quad Core >> Now (ไล่ผิดยังไงขออภัยนะครับ)
5. มือถือ รูปนี้น่าจะพอคุ้นกันบ้าง เพราะตอนต้นปีมีแชร์กันเยอะ

จะสังเกตว่า รุ่นเทพๆ นี่ซัดไปเกือบ 5 หมื่นบาทนะครับ แต่ผมก็ยังเกิดไม่ทันรุ่นแสนกว่าบาทนะครับ 555 ส่วนตัวนี้ ตัวท็อปที่สุดก็ตกประมาณ 3 หมื่นบาท เท่านั้นเอง ถือว่าชิลๆ เลย ถ้าเทียบกับยุคโนเกียสมัยก่อน
พร้อมกันนี้ พวกนี้ยังมาพร้อมค่าบริการรายเดือน ซึ่งจ่ายกินเปล่านะครับ ไม่มีโทรฟรีอะไรนี้เลยนะ คือรับสายเฉยๆ ไม่โทรเลยก็ต้องจ่ายทุกเดือนๆ ละ 500 แถมนาทีละ 3 บาท รับสายเสียตังอีกเอ้า เอากะพี่เค้าสิครับ ใครโทรมาไม่มีธุระอะไรนี่เคืองเลยทีเดียว
เพราะฉะนั้นแล้ว เท่าที่สังเกตดู สินค้าเทคโนโลยีส่วนใหญ่แล้วจะมีแต่ถูกลงๆ นะครับ อันที่ผมทึ่งที่สุดคือ ค่าเน็ท 20 ชม. ต่อเดือน 1,200 บาทเนี่ยแหละครับ ที่กำลังงงๆ อยู่ว่า จ่ายไปได้ยังไง 555
ใครมีอะไรที่ตอนนั้นคิดไม่ออกว่า จ่ายได้ไงฟะ มาแชร์กันได้เลยนะครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ
ขอบคุณเจ้าของกระทู้ คุณ Alessandro
ที่มา
http://pantip.com/topic/31456466