|
รีวิวนี้จะเป้นการพาไปเที่ยวประเทศที่ 10 ในอาเซียนของผม นั่นคือ ฟิลิปปินส์ ในที่สุดผมก็เก็บครบ 10 ประเทศอาเซียนซะที
จากกระทู้ที่แล้ว การเที่ยวครั้งนี้เป็นการไปกับทัวร์นะครับ ดังนั้นอาจจะไม่ละเอียดมากนักสำหรับคนที่ต้องการจะไปเอง แต่สามารถดูเป้นแนวทางได้ว่าที่ใหนควรไปเวลาใหนยังไง นะครับ
ไม่ต้องพูดกันมากมายครับ ตามไปชม ฟิลิปปินส์ในแบบฉบับของ tummeng Travel ได้เลยครับ
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ฟิลิปปินส์ (อังกฤษ: Philippines; ฟิลิปีโน: Pilipinas) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (อังกฤษ: Republic of the Philippines; ฟิลิปีโน: Republika ng Pilipinas) เป็นประเทศที่ประกอบด้วยเกาะจำนวน 7,107 เกาะ ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากเอเชียแผ่นดินใหญ่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 100 กม.และมีลักษณะพิเศษคือเป็นประเทศเพียงหนึ่งเดียวที่มีพรมแดนทางทะเลที่ติดต่อระหว่างกันยาวมากที่สุดในโลก นิวสเปน (พ.ศ. 2064-2441) และสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2441-2489) ได้ครองฟิลิปปินส์เป็นอาณานิคมเป็นเวลา 4 ศตวรรษ และเป็นสองอิทธิพลใหญ่ที่สุดต่อวัฒนธรรมของฟิลิปปินส์
ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในสองชาติในเอเชียที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ (อีกชาติหนึ่งคือติมอร์-เลสเต) และเป็นหนึ่งในชาติที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกมากที่สุด เป็นการผสมผสานกันระหว่างตะวันตกกับตะวันออก ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ อาร์โนลด์ โจเซฟ ทอยน์บี (Arnold Joseph Toynbee) นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้กล่าวไว้ในงานของเขาว่า ประเทศฟิลิปปินส์เป็นประเทศลาตินอเมริกาที่ถูกพัดพาไปยังตะวันออก โดยคลื่นทะเลยักษ์
สิ่งแรกที่นึกถึงฟิลิปปินส์ หลายคนคงนึกถึง ชายคนนี้ แมนนี่ ปาเกียว นักมวยที่เคยเก่งที่สุดในดลกเมือเทียบกัน ปอนด์ต่อปอนด์
สำหรับผมที่เคยเป้น ครูสอนอาเซียน ในโรงเรียนมัธยม ก็พอจะรู้ข้อมูลคร่าวๆมาแล้วบ้าง ก็ไม่แปลกใจเท่าไรนักกับ สภาพแวดล้อมที่เห็น
หากเปรียบเทียบ 10 ประเทศในอาเซียน ฟิลิปปินส์ คงคล้ายคลึงกับประเทศไทยเรามากที่สุดในด้านความเป้นอยู่ ตึกรามบ้านช่อง ถนนหนทาง คล้ายกันมากๆ
|
|
|
|
|
|
|
หลังจากลงเครื่อง เช็คอินเข้าโรงแรมเสร็จแล้ว เวลาประมาณ 16.00 น ผมและคณะทัวร์ก็มายืนอยู่ที่ สวนรีซาล เป้นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่เอาไว้ให้ผู้คนมาเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ ในวันหยุด อยู่ไกล้ๆกับ มินิลา เบย์ ด้านหน้าจะมีธงชาติ ขนาดใหญ่ และ อนุสาวรียื วีรบุรุษคนดังของฟิลิปปินส์ คือ โฮเซ่รีซาล
|
|
|
|
|
|
|
หลังจากนั้นคณะทัวรืของเรามุ่งหน้าสู้ย่าน ฮินทามูรอส เพื่อจะไปเยี่ยมชมเขตเมืองเก่า และนับเป้นความโชคดี ในวันที่ไป นั้นมีงานพิธีในโบสถ์ซานออกุสติน ซึ่งเป้นไฮไลท์ของทริปนี้ พวกผมเลยเข้าไปดุพิธีกรรมทางศาสนา ข้างใน
|
|
|
|
|
|
|
เข้าไปได้สักพักเก็บรูปมาบางส่วน พิธีก็เริ่มขึ้น เมื่อพิธีเริ่มขึ้น เจ้าหน้าที่ก้มาเตือนให้หยุดถ่ายภาพ จึงเก็บภาพมาได้เพียงเล็กน้อยในวันแรก สำหรับที่นี่
|
|
|
|
|
|
|
หลังจากยินดูพิธีกรรมสักพัก ไกคืก็มาชักชวนให้ไปทานอาหารมื้อแรกของฟิลิปปินส์ ที่ ร้านชื่อ Babara ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโบสถ์ซานออกัสติน นั่นเอง
ซึ่งที่นี่จะมีการแสดงระบำโชว์ต่างๆหลากหลายโชว์ให้ชม โดยจะเป้นการเล่าประวัติความเป็นมาของฟิลิปปินส์ ตั้งแต่ยุคคนพื้นเมือง มาจนถึงยุคที่มีหมอสอนศาสนาเข้ามาในฟิลิปปินส์ไล่มาจนถึงยุคที่โดนปกครองโดยยุโรป และอเมกา จนฟิลิปปินส์ซึมซับเอาวัฒนธรรมเหล่านั้นมาเป็นของตัวเอง
|
|
|
|
|
|
|
การไปกับทัวรืข้อดีก้คือเราจะได้นอนโรงแรมหรูครับ Y2 hotel เป้นโรงแรมที่อยู่แถว มากาติ ย่านธุรกิจของฟิลิปปินส์ ถ้าบ้านเราก้คงแถวๆสีลม เพราะกลางคืนแถวๆถนนหน้า โรงแรม จะมีแหล่งเที่ยวกลางคืน ผับบาร์เปิดเพลง ร้องเพลง มีร้านเหล้าเล็กๆที่มีสาวๆ มายืนหน้าร้านคอยเรียกลูกค้า
|
|
|
|
|
|
|
ผมโชคดีนิดนึงตรงที่ได้อยู่ชั้น16 ทำให้ได้มีโอกาสเก็บภาพยามค่ำคืนของ เมือง มะนิลา ก่อนที่จะออกไป เยี่ยม คาสิโนของเมืองนี้ ที่ชื่อ รีสอร์ทเวิร์ล กว่าจะได้นอนก็เอาเงินไปบริจาค ตู้สล๊อต 1000 เปโซ สบายใจ ก่อนจะตื่นมายามเช้า เพื่อเดินทางในวันต่อมา
|
|
|
|
|
|
|
ในวันที่สอง เจ็ดโมงครึ่งเราออกเดินทางลงไปทางใต้ของมะนิลา ไปยังเมือง San Pablo เพื่อไปเที่ยวชม Villa Escudero และทีเด็ดอยู่ที่ภัตตาคารที่ตั้งอยู่กลางสายน้ำตก(จำลอง) หนึ่งในที่เที่ยวขึ้นชื่อของแถบนี้ แม้ระยะทางไม่ไกลมาก แต่การจราจรของมะนิลาก็ทำให้ลำบากใจไม่น้อย เพราะชั่วโมงเร่งด่วนยามเช้าเช่นนี้ กว่ารถจะคืบคลานออกมานอกเมืองได้ก็ใช้เวลานับชั่วโมง แต่หลังจากนั้นขึ้นทางด่วนรถโล่งสบาย นั่งชมบ้านเรือน ทิวเขาที่มีให้ได้ชมเพลินตลอดทาง ซึ่งเราใช้เวลาเดินทาง เกือบสี่ชั่วโมงในระยะทางแค่ 160 km
|
|
|
|
|
|
|
Villa Escudero เป้นสถานที่ส่วนบุคคลที่ ทำขึ้นเพื่อการท่องเที่ยว ข้างใน จะมีโบสถ์สีชมพูสดใส ที่เป้น พิพิธภันฑ์ เก็บของมีค่าและ ศิลปะ ต่างของที่เกี่ยวกับ ฟิลิปปินส์ โดยข้างในห้ามถ่ายรูปครับ
|
|
|
|
|
|
|
ใช่แล้ว เมื่อถึงเวลาทานอาหารเที่ยง เราจะนั่งรถที่มีควายลากคันนี้เข้าไปยัง ภัทตราคารกลางน้ำตก ที่โด่งดังของที่นี่ สังเกตุได้จาก มีกรุ๊ปทัวร์มาแวะที่นี่หลายกลุ่ม
แต่หากใครสงสารน้องควาย ก็สามารถนั่งรถกอล์ฟำปแทนได้ครับ ซึ่งผมเห็นควรว่านั่งรถกอล์ฟเถอะครับ ผมนั่งอยู่ด้านหน้าข้างๆคนขับ เห้นควายเดิน ปัดไปปัดมา ยิ่งเวลาตกหลุมนี่ถึงกับตะปัดตุเป๋ เลยครับ
เมื่อมาถึงด้านใน ก้จะเป้นวิวสวนมะพร้าว เพราะเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องมะพร้าวครับ
|
|
|
|
|
|
|
และนี่คือ บรรยากาศ การทานอาหารท่ามกลางน้ำตก ของที่นีครับ อาหารเป้นแบบ บุฟเฟต์ และค่อนข้างพื้นเมืองมากครับ ทานยากสักนิด
|
|
|
|
|
|
|
น้ำตกที่นี่อย่างที่บอกครับ ที่นี่เป็นเอกชน พื้นที่คร่อมกับลำธาร จึงกักเก็บน้ำทำเป้นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก และใช้ปั่นกระแสไฟเพื่อใช้ในนี้ด้วย ด้านบนน้ำตกจึงเป็น ที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถ นั่งแพ ออกไปชมลำะารด้านบนได้ แต่เสียเงินนะครับ
|
|
|
|
|
|
|
หลังจากทานอาหารเสร็จ เราเดินทางกลับเข้าเมือง มะนิลา อีกครั้ง ซึ่งเมื่อรถบัส แวะปั๊มข้างทาง ผมก็ไม่รีรอ ที่จะเข้าไปแวะชม ร้านฟาสฟูดส์ชื่อดังของ ฟิลิปปินส์ นั่นคือ jolly bee ที่น่าจะมีสาขา มากกว่า KFC หรือ Mc ในฐานะที่เคยทำงานด้านเฟรนไชส์ ถือว่าเป้นเคส ที่น่าสนใจน่าศึกษามาก ร้านนี้ขายทั้งไก้ทอด และ เบอเกอร์ นะครับ เฉลี่ยต่อคน ประมาณ 90 บาท ในการมากินร้านนี้
|
|
|
|
|
|
|
ตารางเที่ยวของวันนี้ช่วงบ่ายเป็นการให้มาชอปปิ้ง ที่ห้างดังของเมือง มะนิลา แต่ผมไม่ใช่ขาช๊อปเลย มานั่งกิน KK ดุสาวปินส์ สบายใจ
|
|
|
|
|
|
|
การเที่ยวฟิลิปปินส์ เราไม่สามารถไปยังหลายๆแห่งในหนึ่งวันได้ เนื่องด้วยการจราจรที่ติดขัด เรียกว่า สุสีกับ กทม บ้านเราหรือ อาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เมื่อเพื่อนคนอื่นในกรุ๊ปทัวรืช๊อปปิ้งกันเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องไปทานอาหาร เย็นครับ อาหารร้านนี้ออกแนว นานาชาติมากกว่าหลายๆร้านที่ผ่านมา แต่ยังเป้น บุฟเฟตืเช่นเดิม แต่ร้านนี้ บรรยากาศดี ร้านสวย อาหารอร่อยๆหลายอย่าง โดยเฉพาะ พิซซ่า
|
|
|
|
|
|
|
คืนที่สองผมเลือกที่จะอยู่ที่ห้องไม่ออกไปเสี่ยงดวง ที่คาสิโน อันเนื่องมาจาก เหนื่อย มาหลายวัน ตื่นเช้า ตีห้า หกโมง กว่าจะเข้า โรงแรม เกือบสามทุ่ม ทุกวัน เพราะรถติดมากๆ เวลาเร่งด่วน เลยอยู่ห้องเก็บบรรยากาศยามค่ำคืน พร้อมเสียงเพลงฝรั่งยุก 90 ที่ลอยมาจากผับข้างล่าง
|
|
|
|
|
|
|
หลังจากหลับมาเต็มอิ่มตื่นเช้ามาวันที่ 3 ในฟิลิปปินส์ วันนี้การเดินทางเราค่อนข้างแน่น ต้องออกแต่เช้าเช่นเคย
ที่เเรกที่เราต้องไปคือ โบสถ์โจเซพ เป็นสถานที่สำคัญอีกที่นึง ที่ควรแวะชม เพราะจะหาชม ได้ยากแล้ว ในโลกนี้
|
|
|
|
|
|
|
เพราะที่โบสถ์แห่งนี้ ยังคงมี แบบบู ออแกน ใช้อยู่แบบดั้งเดิม
|
|
|
|
|
|
|
หลังจากนั้นเราก้เดินทางไปยังโรงงาน หรือเรียกว่าอู่ก็ได้นะครับ เพราะไม่ใหญ่ถึงขั้นเรียกโรงงานแบบเต็มปากเต็มคำ
อู่ผลิตรถ Jeepney รถที่มีชื่อเสียงและวิ่งบนถนนในมะนิลา และ ฟิลิปปินส์ มากมาย โดยเป้นทั้งรถโดยสารคล้ายๆสองแถว หรือดัดแปลงทำเป็นแท๊กซี่ติดแอร์
|
|
|
|
|
|
|
ออกจาก จี๊ปนี่ เราเดินทางต่อไปยัง ตะวันตกเฉียงใต้สู่เมือง ตาไกไต (Tagaitai) เพื่อรัปประทานอาหารเที่ยงพร้อมกับชมวิวภูเขาไฟที่ยังไม่ดับและมีขนาดเล็กที่สุดในโลก โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ สองชั่วโมงนิดๆ ภูเขาไฟตาอัล ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อปี ค.ศ. 1967 แม้จะเป็นภูเขาไฟขนาดเล็ก แต่ภูมิประเทศสวยงามเพราะถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบที่ถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ เชื่อกันว่าเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ แล้วลาวาเย็นจนยุบตัวลงเป็นหลุมเมื่อ 1000,000-5000,000 ปีก่อน จนกลายเป็นทะเลสาบที่อุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์น้ำต่างๆ
|
|
|
|
|
|
|
หลังจากกลับจาก กะไกใต ตามโปรแกรม จะเป้นการพาไป ช๊อปปิ้ง ในห้าง ที่มีสินค้าแบรนดืเนม ของ มะนิลา พวกผมและคุณ เดี่ยว Cold river จึงปรึกษากันว่าขอแยกตัวออกไปเก็บภาพ แถวๆ ซานออกัสติน อีกสักครั้ง เนื่องจาก วันแรกที่ไปเวลาเดินเขตเมืองเก่าน้อยไปหน่อย
|
|
|
|
|
|
|
ครั้งนี้พวกผมซื้อตั๋วเข้าไปเพื่อชมด้านในที่เป้น พิพิะภันฑ์ด้วย ค่าตั๋ว 100 เปโซ ซานออกุลติน ซึ่งแม้เราจะเคยมาแล้วเมื่อวันแรก แต่เวลาอันน้อยนิด ยังซึมซับความงามได้ไม่เต็มที่ เพราะโบสถ์นี้มีความสำคัญ และได้ชื่อว่าสวยงามล้ำค่าที่สุดแห่งหนึ่งของฟิลิปปินส์ จนได้รับการย่องย่องให้เป็นมรดกโลก ร่วมกับโบสถ์ร่วมยุค ร่วมศิลปะแบบบารอกที่อยู่เมืองอื่นไกลออกไป และเป็นที่น่าโชคดีว่าโบสถ์นี้รอดพ้นการทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ขณะที่อาคารต่างๆ ในมะนิลาเสียหายไปมาก ตามประวัติแล้วเริ่มสร้างครั้งแรกตั้งแต่สมัยที่ Lagazpi และสเปนมายึดครองที่นี่ใหม่ แต่อาคารหลังเดิมที่สร้างด้วยไม้ จึงถูกเพลิงไหม้และได้รับการบูรณะใหม่ช่วงปี 1599-1606
ลักษณะเด่นของอาคารภายนอกของโบสถ์คือรูปทรงสมัยคลาสสิก มีหน้าบันเป็นสามเหลี่ยม รองรับด้วยเสาโครินเธียน แต่กลับมี Rose Window หน้าต่างรับแสงทรงกลม ที่เป็นศิลปะแบบโกธิก ส่วนหอระฆังจากเดิมมี 2 หอ แต่น่าเสียดายที่มีเหตุแผ่นดินไหวในช่วงศตวรรษที่ 19 จึงพังถล่มลงมาหนึ่งหอ เหลือให้ได้ชมเพียง 1 หอเท่านั้น
|
|
|
|
|
|
|
ข้างในเก็บของที่ใช้ในพิธีการต่างๆไว้มากมาย รวมถึง รูปวาด เกี่ยวกับ พระเยซู และหนังสือเก่าๆ มากมาย
|
|
|
|
|
|
|
เพดานของ ซานออกัสติน ที่เห้น ไม่ใช่ลายแกะสลักนะครับ เป็นภาพวาดแบบสามมิติ ผมนี่รู้สึกทึ่งมาก เมื่อทราบข้อมูลนี้
|
|
|
|
|
|
|
ออกจาก ซานออกกัสติน เราก็เดินเก็บภาพ ย่านเมืองเก่า อินทามูรอส และเดินทายัง อาสนวิหารแห่งเมืองมะนิลา(Manila Cathedral) ซึ่งเริ่มสร้างครั้งแรกในปี ค.ศ. 1571 เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเจอทั้งภัยธรรมชาติน้อยใหญ่ ภัยสงคราม จึงมีการพังและบูรณะขึ้นใหม่หลายต่อหลาย ส่วนรูปทรงที่เห็นในปัจจุบันเป็นผลงานในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นี่เอง แผนผังเป็นแบบลาติสครอสที่ได้รับความนิยมตามศิลปะตะวันตกโดยทั่วไป ตัวโดมใช้การสร้างแบบคลาสสิกที่พบในศิลปะเรเนสซองส์คือเป็นรูปแปดเหลี่ยม มีหน้าต่างเป็นคู้สลับกับเสาติดผนัง หลังคาสร้างด้วยทองแดง ที่กาลเวลาทำให้เป็นสีเขียวทจนสวยเด่นมองเห็นได้ตั้งแต่ระยะไกล เหมือนมาเที่ยวยุโรปเลย
|
|
|
|
|
|
|
แน่นอน ที่ฟิลิปปินส์ โบสถ์ ทุกโบสถ์ จะตกแต่งได้สวยงาม ด้วยกระจกสีๆ ตามสไตล์ยุโรป
|
|
|
|
|
|
|
บริเวณรอบวิหาร ก้จะเป็นอาคาร สวยๆ สไตล์ตึกฝรั่ง เดินเก็บรูปเพลินกันไป
จนเวลาล่วงเลยมาถึง พระอาทิตย์ไกล้ลับขอบฟ้า
|
|
|
|
|
|
|
คืนสุดท้ายผมออกไป คาสิโนจนดึกถึง ตีสี่ ก่อนจะตื่น เช้า มาเก็บภาพ บรรยากาศยามเช้า พระอาทิตย์ขึ้น วันสุดท้ายของทริปนี้
|
|
|
|
|
|
|
วันสุดท้านเครื่องเราออกจาก ฟิลิปปินส์ บ่ายโมง ช่วงเช้าเรามีเวลา จึงแวะไปเที่ยวชม สุสานจีน ที่ใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์ ที่นี่ จะสร้าง บ้าน หรือ ฮวงซุ้ย เป็นเหมือนบ้านจริงๆ เลยทีเดียว ถ้าเกิดคนไม่รู้เดินเข้ามาคงติดว่าหลงอยู่ในหมู้บ้านจีน หรือ ย่านไชน่าทาวนืแน่ๆ
|
|
|
|
|
|
|
และปิดท้ายทริปนี้ของเราด้วยป้อมซานดิอาโก้ ซึ่งเป็นอีกสถานที่สำคัญของเมืองมะนิลา เขตอินทรามูรอส เป็นป้อมปราการปกป้องและศูนย์บัญชาการทหารของสเปนมากว่า 300 ปี ต่อสู้กับกองเรือโจรสลับ หรือราชนาวีอังกฤษ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นคุกเพื่อขังนักโทษชาวฟิลิปปินส์หลายคน โดยเฉพาะคนสำคัญอย่าง ด็อกเตอร์โฮเซ่ รีซัล ก็ถูกจองจำที่นี่ก่อนจะถูกนำตัวไปประหาร จนนำไปสู่การลุกฮือของประชาชนชาวฟิลิปปินส์ทั้งประเทศ
|
|
|
|
|
|
|
ภาพสุดท้ายก่อนจะเก็บกล้องเข้ากระเป๋า แล้วเดินทางไปยังสนามบิน เพื่อบินกลับไปบรูไน แล้วต่อเครื่องกลับ กทม อีกที
ขอขอบคุณ KTC Real team ที่คัดเลือกผมเป็นผู้พาเที่ยวยังสองประเทศ ที่มีความแตกต่างทั้งด้านวัฒนธรรม และการดำเนินชีวิต ที่เรียกว่าเกือบสุดขั้ว
ทั้งบรูไน และ ฟิลิปปินส์ เป็นประเทศที่ผม แทบจะไม่มีโอกาสได้มาเที่ยวแน่ๆ ในชีวิตนี้ แต่เมื่อได้มา เที่ยวแล้ว ทำให้ผมรู้สึกว่า อย่างน้อยก้ขอกลับมาเที่ยวทั้งสองประเทศนี่อีกสักครั้ง
หวังว่ารีวิวนี้ คงจะมีประโยชน์แก่หลายๆท่าน ที่กำลังจะไป หรือ มองหาที่เที่ยวแปลกๆใหม่
วันนี้ก้ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมรีวิวนี้ หากไม่เป้นการเสียเวลา แวะทัดทายฝากคอมเม้นไว้ในรีวิวนี้เพื่อเป็นกำลังให้นักรีวิวครับผม
และท่านยังสามารถติดตามพูดคุย หรือสอบถามข้อมูลการเที่ยวของผมได้ในเพจ
https://www.facebook.com/TummengMagazine
ขอบคุณครับ
|
|
|
|
|
|
|