กรุงเทพฯ--25 พ.ย--พีอาร์นิวส์ไวร์/ อินโฟเควสท์
การผนวกอุปกรณ์เพิ่มชุดใหม่ เปิดทางไปสู่การควบคุมกลไกการทำงานขั้นสูงด้วย PID แบบฮาร์ดแวร์ การวัดมุมเฟสและ current drive ขนาด 100 มิลลิแอมป์
ไมโครชิป เทคโนโลยี อิงค์ (NASDAQ: MCHP) บริษัทชั้นนำผู้ให้บริการโซลูชั่นไมโครคอนโทรลเลอร์, ตลอดจนโซลูชั่นอนาล็อกสัญญาณผสม และแฟลช-ไอพี ประกาศที่งาน Electronica ในเยอรมนีว่า บริษัทได้ขยายสายผลิตภัณฑ์ไมโครคอนโทรลเลอร์ (MCU) PIC ขนาด 8 บิต ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตระกูล PIC16(L)F161X ที่สามารถต่อพ่วงอุปกรณ์ได้จำนวนมากและมีจำนวนพินน้อย สำหรับ MCU ชุดใหม่นี้ประเดิมและช่วยเพิ่มทางเลือกด้านอุปกรณ์เสริม Core Independent Peripherals (CIP) ของไมโครชิปที่ออกแบบมาเพื่อลดความหน่วงจากภาวะติดขัดในการทำงาน ลดการใช้ไฟให้น้อยลง และเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบ พร้อมกับลดแรงและระยะเวลาในการออกแบบ อุปกรณ์เสริมชุดนี้พัฒนาขึ้นมาเพื่อลดความซับซ้อนของระบบ โดยไม่ต้องพึ่งโค้ดเสริมหรือชิ้นส่วนจากภายนอก อุปกรณ์เสริมที่ทำงานด้วยฮาร์ดแวร์เหล่านี้ ยังช่วยลดกลไกการทำงานที่จังหวะเวลามีบทบาทสำคัญและกลไกที่เน้นการทำงานของส่วนแกนจากซีพียู เปิดทางให้ซีพียูพุ่งเป้าไปที่งานสำคัญอื่นๆภายในระบบ
รับชมการนำเสนอโดยสังเขปได้ที่ http://www.microchip.com/PIC16_LF161X-Family-Press-Presentation-111114a
MCU ตระกูล PIC16(L)F161X PIC นำเสนอ Math Accelerator (Math ACC) โดยมีสัดส่วน-ปริพันธ์-อนุพันธ์ (PID) ที่มอบการคำนวณผล Core Independent ที่สมบูรณ์ ซึ่งมีศักยภาพในการคำนวณคณิตศาสตร์ 16บิต และการทำงานของ PID ชุดอุปกรณ์ในตระกูลนี้ยังมาพร้อมกับ Angular Timer (AngTmr) ซึ่งเป็นโมดูลฮาร์ดแวร์ที่สามารถคำนวณมุมหมุนในฟังก์ชั่นต่างๆ อาทิ การควบคุมมอเตอร์ การควบคุมไตรแอก หรือกระทั่งระบบจุดระเบิดด้วยตัวเก็บประจุ (CDI) นอกจากเรื่องความเร็วแล้ว AngTmr ยังดูแลให้การทำงานติดขัดในมุมหมุนหรือมุมไซน์เฉพาะบางมุมโดยที่ส่วนแกนไม่จำเป็นต้องประมวลผล สำหรับ CIP นั้นสามารถปรับตั้งค่าเพื่อทำงานเป็นแม่ข่ายของฟังก์ชั่นที่กำหนด ช่วยเพิ่มความเร็วในการทำงานโดยไม่จำเป็นต้องใช้ฮาร์ดแวร์ การลบฟังก์ชันเหล่านี้ออกช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับซีพียูในการทำงานด้านอื่นๆ ใช้เมมโมรีโปรแกรมที่น้อยลง และลดการใช้ไฟโดยรวมของ MCU
นอกจาก MATH ACC แล้ว ในตระกูล PIC16(L)F161X ยังมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆอีกมากมายที่จะช่วยลดการทำงานและเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่หลายๆฟังก์ชั่น สำหรับ Signal Measurement Timer (SMT) แบบ 24 บิต จะทำหน้าที่ในการวัดผลรายละเอียดสูงให้กับสัญญาณดิจิตอลในฮาร์ดแวร์ ส่งผลให้การวัดมีความความแม่นยำและถูกต้องมากยิ่งขึ้น ซึ่งลงตัวเป็นอย่างยิ่งสำหรับการควบคุมความเร็ว การหาระยะ และเครื่องวัดรอบต่อนาที (RPM Indicator) อุปกรณ์ในตระกูลนี้ ยังมาพร้อมกับโมดูลตรวจจับผ่านศูนย์ (ZCD) ที่สามารถตรวจติดตามแรงดันไฟฟ้าเส้นกระแสสลับ และบ่งชี้กิจกรรมที่ผ่านระดับศูนย์ ขณะที่เครื่องมือควบคุมไตรแอกที่ใช้งานง่าย ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายทั้งในด้านความต้องการของซีพียูและรายการวัตถุดิบ (BOM) ที่ซื้อมาใช้งาน สำหรับการผนวกรวมนำเข้าหรือส่งออกข้อมูลแบบใหม่ที่มีอัตราการไหลของกระแสไฟฟ้าสูงถึง 100 มิลลิแอมป์ ตลอดจน Configurable Logic Cell (CLC) ซึ่งเป็นที่ยอมรับและมาพร้อมกับ I2C(TM), SPI รวมถึง EUSART เพื่อการสื่อสารนั้น ทำให้อุปกรณ์ที่อยู่ในตระกูลนี้ช่วยให้การออกแบบรวดเร็วขึ้น ลดการทำงาน และยังเพิ่มความคล่องตัว
อุปกรณ์ในตระกูลชุดนี้ยังรองรับมาตรฐานความปลอดภัยต่างๆ อาทิ Class B และ UL 1998 หรือการทำงานที่ผิดพลาดด้านความปลอดภัย ด้วยการผสมผสานการทำงานเข้ากับ Windowed Watchdog Timer (WWDT) ซึ่งจะเฝ้าติดตามว่าการดำเนินงานด้านซอฟท์แวร์ที่เหมาะสมภายในขอบเขตที่ปรับตั้งค่าล่วงหน้าไว้แล้ว ตลอดจนช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและการตรวจสอบด้วยส่วนซ้ำซ้อนแบบวนด้วยการสแกนเมมโมรี (CRC/SCAN) โดยจะตรวจจับและสแกนเมมโมรีเพื่อหาข้อมูลที่เสียหายใช้งานไม่ได้ ในขณะที่ Hardware Limit Timers (HLT) จะทำหน้าที่ตรวจจับสภาวะข้อผิดพลาดของฮาร์ดแวร์ อาทิ การค้าง การหยุดทำงาน เป็นต้น ด้วยเหตุนี้วิศวกรจะสามารถเปิดใช้ฟังค์ชั่นด้านความปลอดภัยและสามารถจับตาความเคลื่อนไหวได้ในโปรแกรมของตนเอง โดยส่วนร่วมของการทำงานบนซีพียูจะอยู่ที่ระดับต่ำที่สุดจนถึงระดับศูนย์ ด้วยฟีเจอร์ทั้งหมดเหล่านี้ อุปกรณ์ในตระกูลนี้จึงสามารถนำเสนอเทคโนโลยี XLP ที่ใช้ไฟน้อย โดยมาในรูปแบบของแพคเกจขนาดเล็กตั้งแต่แพคเกจ 8 pin, 14 pin และ 20 pin
"ตระกูลผลิตภัณฑ์ PIC16F161X ที่เพิ่มเข้ามานี้ ทำให้อุปกรณ์เสริม Core Independent Peripheral มีฟังค์ชั่นการทำงานที่หลากหลาย อาทิ การควบคุมมอเตอร์และตรวจตราความปลอดภัย" สตีฟ เดรฮ็อบล์ รองประธานฝ่าย MCU8 ของไมโครชิปกล่าวว่า "อุปกรณ์เสริมเหล่านี้เปิดทางให้ผู้ออกแบบสร้างฟังก์ชั่นสำหรับการควบคุมวงปิดที่แทบจะหรือไม่มีความเกี่ยวข้องกับส่วนแกน สิ่งเหล่านี้เป็นสินทรัพย์ของนักออกแบบ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรกลุ่มนี้ให้สร้างกลไกการทำงานที่ปรับแต่งได้ตามแอพพลิเคชั่นเฉพาะทาง ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดการพัฒนาโค้ดลงด้วยเช่นกัน
การสนับสนุนเครื่องมือพัฒนา
อุปกรณ์ตระกูล PIC16(L)F161X ได้รับการสนับสนุนการทำงานด้วยเครื่องมือการพัฒนาระดับโลกและมีมาตรฐานของไมโครชิป ได้แก่ PICkit(TM) 3 (part # PG164130) and MPLAB(R) ICD 3 (part # DV164035) สำหรับอุปกรณ์ปรับตั้งค่าโค้ด MPLAB(R) http://www.microchip.com/pagehandler/en_us/devtools/code_configurator/home.html#utm_medium=Press-Release&utm_term=PIC16_LF161X_PR_11112014&utm_content=MCU8&utm_campaign=MPLAB+Code+Configurator+Page ซึ่งเป็นปลั๊กอินสำหรับ MPLAB(R) X IDE ของไมโครชิปที่แจกฟรีนั้น ช่วยส่งมอบวิธีการด้านกราฟฟิคในการปรับตั้งค่าระบบ 8 บิต และฟีเจอร์ต่างๆของอุปกรณ์เสริม ทำให้แนวคิดของคุณกลายเป็นต้นแบบได้ภายในไม่กี่นาทีด้วยการผลิตโค้ด C ที่มีประสิทธิภาพและปรับตั้งค่าได้อย่างง่ายดายสำหรับโปรแกรมของคุณโดยอัตโนมัติ
การวางจำหน่าย
MCU ตระกูล PIC12(L)F1612 พร้อมแจกตัวอย่างและการผลิตในแพคเกจ 8-pin PDIP, SOIC, และ DFN และ UDFN (3 mm x 3 mm) MCU ตระกูล PIC16(L)F1613 ยังพร้อมจำหน่ายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปในแพคเกจ 14-pin PDIP, SOIC, TSSOP และ UQFN และ QFN (4 mm x 4 mm) ส่วน PIC(L)F1614 และ PIC(L)F1615 พร้อมแจกตัวอย่างแล้วในแพคเกจ 14-pin PDIP, SOIC, TSSOP และ UQFN และ QFN (4 mm x 4 mm) สำหรับการผลิตคาดว่าจะมีขึ้นในเดือนมกราคม ในส่วนของ MCUs PIC16(L)F1618 และ PIC(L)F1619 พร้อมแจกตัวอย่างแล้วตั้งแต่วันนี้ในแพคเกจ 20-pin PDIP, SOIC, TSSOP และ UQFN และ QFN 4 (mm x 4 mm) สำหรับการผลิตคาดว่า จะมีขึ้นในเดือนมกราคม อุปกรณ์ตระกูลนี้จะจัดตำหน่ายขั้นต่ำ 10,000 ชิ้น
