ทรานส์ไซบีเรีย สายรถไฟพิฆาต ทริปนี้ไม่มีลืม

เส้นทางรถไฟที่ยาวที่สุดของโลกมีชื่อว่า ทรานส์ไซบีเรีย
ทรานส์ไซบีเรีย (Trans-Siberian Railway) หรือเรียกสั้นๆ ว่าทรานซิบ (Transsib)เป็นเครือข่ายทางรถไฟที่เชื่อมโยงกรุงมอสโก กับดินแดนทางตะวันออกอันห่างไกลของรัสเซีย, มองโกเลีย ,จีน และทะเลญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน หรือพูดง่ายๆ คือ เชื่อมรัสเซียฝั่งตะวันตกกับฝั่งตะวันออกนั่นเอง

เส้นทางดั้งเดิมของทรานส์ไซบีเรียเริ่มต้นจากเมืองเชลยาบินสค์ วิ่งไปทางตะวันออกสู่เมืองออมสค์, นอวอซิบิร์สค์ คราสนอยาสค์ อีร์คุตสค์และชีตา ข้ามไปแมนจูเรีย และวกกลับเข้ามารัสเซีย ก่อนที่จะสิ้นสุดที่เมืองท่าวลาดีวอสตอค ริมชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ปัจจุบันจุดเริ่มต้นของทรานไซบีเรียอยู่ที่สถานียารอสลาฟสกีในมอสโก ส่วนสถานีสุดท้ายยังอยู่ที่เมืองวลาดีวอสตอค

ในระยะหลังนี้ เส้นทางนี้เริ่มเป็นที่นิยมของเหล่านักเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัยมากขึ้นเรื่อย แม้แต่คนไทยเองก็เริ่มีหลายๆคนฝันอยากจะพิชิตการเดินทางผ่านเส้นทางนี้ เพราะการเดินทางใช้เวลาถึง 7 วัน 7 คืนเลยทีเดียว

เสน่ห์ของมันไม่ใช่แต่ความทรหดอดทนในการเดินทางอย่างเดียว แต่สถานที่และวิวที่ผ่านก็มีความสวยงาม แปลกตาน่าสนใจ เรียกว่าสวยพิฆาตไม่ลืม

เช่น มอสโคว มหาวิหารเซนต์เบซิล ปักกิ่ง ทุ่งหญ้าไซบีเรีย มองโกล ทะเลสาบไบคาล และยีงรวมถึงการมีที่อาจจะได้มิตรภาพดีจากเพื่อร่วมขบวนแบบไม่รู้ลืม แน่นอนในด้านมืดมันก็มีอันตรายอยู่บ้างพอให้ตื่นเต้น แต่ถ้าคุณระมัดระวังและวางแผนการเดินทางดีๆก้ไม่มีอะไรน่าห่วง

แต่เส้นทางสายนี้ไม่ใช่ฝันที่จะพิชิตได้ง่ายๆ อย่างแรก คือจองยากมาก ตั๋วรถไฟมักจะเต็มตลอดปี และห้องเคบินในรถไฟ เมื่อตีเป็นราคาไทยก็ทำเอาคนลุกได้ ยิ่งใครที่เป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ ที่ไม่มีวิธีการเก็นเงิบที่พิเศษหรือชาญฉลาดกว่าการเปิดบัญชีเอาเงินเก็บไว้ในแบงค์ ก็ยิ่งเป็นเรื่องยากมากในการทำความฝันนี้ให้สำเร็จ จึงมีธนาคาร ME by TMB ฉวยโอกาสกระแสนี้เปิดตัว SUCCESS OF ME กับคอนเซปต์ OBSESSION TO SUCCESS ผ่าน “น้ำหอมกลิ่นความสำเร็จ” สำหรับคนที่หลงใหลความสำเร็จ ME จัดให้สัมผัสกลิ่นความสำเร็จได้เร็วขึ้น ด้วยการออกบัญชีเงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยมากกว่าออมทรัพย์ถึง 5 เท่า ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ฝัน และต้องการเงินสักก้อนภายในระยะเวลาไม่นานออกมาเมื่อเร็วนี้

การเตรียมตัว

อากาศ จริงๆแค่พูดถึงรัสเซียก็รู้สึกหนาวแล้ว แล้วถ้าอยากเดินทางแบบสบายๆ แนะนำให้เดินทางช่วงฤดูใบไม้ผลิปลายๆ (ประมาณเดือนเมษา) หรือปลายฤดูร้อน (สิงหา) จะเหมาะที่สุด เสื้อผ้าก็ไม่ต้องขนไปมาก และก็ไม่ร้อนจนเกินไป

ทั้ง ๓ ประเทศนี้ จีน มองโกเลียน และรัสเซีย หน้าหนาวก็หนาวจัด อุณหภูมิติดลบ แต่พอหน้าร้อนก็ร้อนตับแตก ประมาณ ๓๐ กว่าองศา

ข้อดีของการเดินทางในช่วงเวลาสุดฮิตนี้คือ
- อุณหภูมิพอให้มนุษย์โลกอย่างเราดำรงชีพได้อย่างมีความสุข
- เวลากลางวันค่อนข้างยาวทำให้เที่ยวได้นานขึ้นหน่อย (ดีกว่าหน้าหนาวนะ สี่โมงกว่าก็มืดแล้ว T_T)
- สถานที่ท่องเที่ยวเปิดแทบจะทุกจุด การซ่อมแซมมีน้อยกว่าช่วงlow season
- มีโอกาสเจอเพื่อนร่วมทางที่เป็นนักท่องเที่ยว ร่วมกันแชร์ประสบการ์ ค่าใช้จ่าย และมิตรภาพ :)

ส่วนข้อเสียหลักๆก็มี
- ราคาสูงขึ้น
- รถไฟก็จองยากขึ้นรวมทั้งห้องพักด้วย
- ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวก็เก็บค่าเข้าชมแบบเต็มอัตรา
- คนเยอะแย่งกันกิน แย่งกันใช้ แย่งกันถ่ายรูป

ราคา
รถไฟเส้นนี้ค่าตั๋วราคาสูง (แพงกว่าตั๋วเครื่องบินบางสายอีก) ราคาถ้าซื้อแบบไม่หยุดแวะเลยจะอยู่ที่ ๒๕,๐๐๐ บาทสำหรับชั้น ๓ ขาเดียว

แต่ถ้าซื้อตั๋วแยก เช่น เดินทางจากปักกิ่งไปถึงอุลาบาต๊อก แล้วหยุดพัก๒-๓วัน จากนั้น ตั๋วจากอุลาบาต๊อก เข้า อีสคุห์ (รัสเซีย)... ก็จะแพงขึ้นอีก

และราคาก็ยังขึ้นอยู่กับว่า เริ่มเดินทางจากที่ไหนอีกตังหาก ถ้าเริ่มเดินทางจากรัสเซียน่าจะได้ตั๋วถูกกว่า

เพราะถ้าเดินทางออกจากจีน จะถูกรัฐบาลจีนบังคับให้ซื้อตั๋วผ่านเอเจ้นท์ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ถือ Passport จีน มองโกเลียน หรือ รัสเซียค่ะ ซึ่งราคาเอเจ้นท์ก็แพงกว่าราคาหน้าตั๋วอยู่เป็นพันบาทเหมือนกัน

วีซ่า

ข่าวดีค่ะ เพราะสำหรับชาวไทยที่ถือPassport สัญชาติไทย
- ตอนนี้ประเทศรัสเซีย ไม่ต้องใช้วีซ่า
- มองโกเลียก็ไม่ต้องใช้วีซ่า
- แต่จีนต้องใช้วีซ่า แต่ถ้าเป็นวีซ่าท่องเที่ยวขอได้ง่ายค่ะ

เป็นโชคดีเพราะว่า วีซ่าเข้ามองโกเลียและรัสเซียนั้นขอยาก

แต่ข้อกังวลก็คือ ถึงเรารู้ว่าเราไม่ต้องใช้ แต่ต.ม.ที่รักบางทีก็จะเรียกดู เพราะขนาดฝรั่งหัวทองยังต้องใช้เลยแล้วะจะมาเอาอะไรกับชาวไทยแบบเรา ส่วนปัญหาก็จะเป็นตรงต.ม.รัสเซียค่ะ

วิธีประหยัดเวลาก็คือ พิมพ์เอกสารข้อตกลงที่ระบุว่า ชาวไทยไม่ต้องใช้วีซ่าจริงๆ แต่อย่าลืมพิมพ์เวอร์ชั่นภาษารัสเซีย

CR. bloggang.com/viewblog.php?id=bj7&date=25-07-2013&group=1&gblog=32

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน