อาวุธมวยไทยจริงๆแล้ว มีทั้งมัด เท้า เข่า ศอก ทุม ทับ จับ หัก เป็นรูปแบบพื้นฐาน เดียวกับศิลปะป้องกันตัวอื่นๆทั่วโลกที่ใช้สรีระร่างกาย ให้เกิดประโยชน์ ในการต่อสู่ได้อย่างสู่งสุด โดยมีการพัฒนาอย่างจริงจังในช่วง ร.5 จะเห็นได้จากการเอา การต่อสู่ประเภทต่างๆที่กระจายอยู่ทั่วประเทศไทยมาประลองกันเพื่อศึกษาและพัฒนา เพื่อนให้ได้รูปแบบที่ครอบคลุมทุกกรณีที่อาจจะเกิดขึ้นในการต่อสู่ของมนุษย์ นั้นคือจุดประสงค์หลัก จนกระทั้งถึง ร. 6 ที่ต่างชาติเข้ามาและมองว่าการต่อสู่ของไทยเป็นกีฬาที่ป่าเถื่อน ร. 6จึงลดอาวุธมวยไทยที่ถูกมองว่าทำให้เกิดความเสียหายรุนแรง อย่าท่าทุม ทับ จับ หัก ออกไป และไม่ได้รับการพัฒนาต่อ ทั้งที่ในช่วงนั้น มีการพัฒนา วิธีใช้และวิธีแก้ อาวุธประเภทนี้อย่างต่อเนื้อง จนมาถึงยุคของเหล่าจอมพลที่ต้องการสร้างความเป็นชาตินิยม เพื่อลดความขัดแย่งทางด้านเชือชาติวัฒนธรรมในสังคม จึงได้ยกเอากีฬาการต่อสู่ที่ถูกดัดแปลงนี้ มาเป็นสื่อเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดความเป็นชาตินิยมจนถึงทุกวันนี้ ทำให้กีฬาการต่อสู่ของไทยเหมือนคนพิการ มิหนัมซ่ำยังชอบโอ้อวดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น ทั้งที่ ชั่งห่างไกลจุดประสงค์ของเสด็จพ่อ ร.5 นัก บัดนี้กีฬาที่แสนจะภาคภูมิใจนักหนา ถูกนายทุนเอาไปใช้หายประโยช์นักกีฬามวยไทยก็ไม่ต่างจากหมาล่าเนื้อ ถูกเหล่าเจ้าของค่ายเอารัดเอาเปรียบ เหล่าคนที่ทิดทิสู่งต่างบิดเบื่อนและไม่สารต่อความตั้งใจของเสด็จพ่อ ร.5 อยากที่จะกลับมาเป็นสาตร์ดั้งที่พระองค์ ประสงค์ไว้