
ล่าสุดกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ สร้างความฮือฮาในเวทีโลกด้วยโครงการ “Community Gold : พลังครามชุมชน” นำภูมิปัญญาการย้อมผ้าครามวิถีชีวิตท้องถิ่น “บ้านนาขาม ตำบลเชิงชุม อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร” ทุ่มเทจ้างนักออกแบบสร้างสรรค์ให้มีดีไซน์สมัยใหม่ต่อยอดทำเสื้อผ้าและคอลเลกชั่นแฟชั่นพิเศษ INDIGO โดยใส่จิตวิญญาณเรื่องราวที่มีชีวิตของวัฒนธรรมผ้าครามผลิตและจำหน่ายภายใต้แบรนด์ “เลสเตอร์ ซิตี้
ฟุตบอลคลับ” เพิ่มรายได้และสร้างอาชีพอย่างยั่งยืนคืนกลับไปสู่ชุมชนและทุกครัวเรือน
โครงการ “Community Gold : พลังครามชุมชน” จึงกลายเป็นสินค้าที่มีทั้งคุณค่าและมูลค่าในตลาดโลกสามารถตั้งราคาขายได้ชิ้นละ 1,000 บาทขึ้นไป เมื่อกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำไปวางขายในร้านดิวตี้ฟรีทุกสาขา และในช้อปเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ นำร่องรวม 4 หมวดสินค้า 7 ประเภท ได้แก่
หมวดที่ 1 เสื้อผ้าคราม ขนาด S M L XL XXL แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ เสื้อที-เชิ้ตลายปัก (LTC Indigo T-Shirt Logo Embroidery) ราคาตัวละ 1,150 บาท เสื้อที-เชิ้ตลายปริ้นท์ (LTC Indigo T-Shirt Logo Printed) ราคาตัวละ 1,250 บาท เสื้อโปโล (LTC Indigo Polo – Logo Printed) ราคาตัวละ 1,400 บาท
หมวดที่ 2 ผ้าพันคอคราม (LTC Indigo Scarf) ฟรีไซส์ ราคาผืนละ 1,200 บาท
หมวดที่ 3 หมวกคราม มี 2 ประเภท คือ หมวกแก็ป (LTC Indigo Cap) ฟรีไซส์ ราคาใบละ 1,100 บาท หมวกไหมพรม (LTC Indigo Beanie) ราคาใบละ 1,100 บาท
หมวดที่ 4 กระเป๋าใส่ของเอนกประสงค์ (LTC Indigo Toiletry Bag) ขนาดเดียว ราคาใบละ 1,350 บาท

ตลอดปี 2561 กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ยังคงเดินหน้าโครงการ “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ : พลังคนไทย” โดยสนับสนุน “กีฬา : Sport POWER” สร้างสนามฟุตบอลแจกโรงเรียนและชุมชนแห่งละ 1 ล้านบาท พร้อมลูกฟุตบอลและอุปกรณ์กีฬา สนับสนุน “การศึกษาและสุขภาพ : Education & Health Power” แจกทุนการศึกษาและอุปกรณ์การแพทย์ตามโรงเรียนและโรงพยาบาล และ “ดนตรี : Music Power” จัดประกวดดนตรีเยาวชนพร้อมมอบทุนเพื่อพัฒนาให้เกิดความยั่งยืน
“อัยยวัฒน์” ทายาทรุ่นสอง ได้สานต่อธุรกิจดิวตี้ฟรีให้เป็นหนึ่งในเสาหลักดึงดูดเม็ดเงินจากนานาชาติเข้าเมืองไทยปีละนับแสนล้านบาท พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพในอนาคตที่พร้อมจะนำพาความสำเร็จให้ประเทศและชุมชนท้องถิ่นไทยมีรายได้มั่งคั่ง มั่นคง ในระยะยาว
ทางด้าน “นิตินัย ศิริสมรรถการ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้จัดทำรายละเอียดในการหาเอกชนเข้ามาดำเนินการพื้นที่ร้านค้าปลอดอากร (Duty free) และร้านค้าปลีกในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เตรียมเปิดประมูลและออกเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) ภายในเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม 2561 จากเดิมกำหนดจะเริ่มเปิดช่วงต้นปี 2561 แต่ต้องเลื่อนมา 6 เดือน เพราะต้องดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะเรื่องการให้ทีม
งานเกี่ยวข้องทำการศึกษารับฟังข้อเสนอจากทุกฝ่ายอย่างถูกต้อง

ทั้งนี้ ทอท.ต้องยึดมั่นการประมูลอย่างโปร่งใส มีธรรมาภิบาล เพื่อสรรหาบริษัทเอกชนผู้ชนะการประมูลพื้นที่ร้านค้าปลอดอากรเข้ามาดำเนินการภายในปลายปี 2561 ตามกรอบระยะเวลาจะต้องหาผู้ชนะให้ได้ล่วงหน้าก่อน 2 ปี ก่อนสัมปทานเก่าจะสิ้นสุดปี 2563 เพื่อผู้ชนะจะได้เตรียมความพร้อมด้านการตก
แต่งพื้นที่ร้านค้า การเจรจากับแบรนด์สินค้าเข้ามาวางจำหน่าย การวาแผนตลาดดึงรายได้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเข้าไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการทำเงินให้ ทอท.เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีรายได้จากดิวตี้ฟรีปีละประมาณ 6,000 ล้านบาท
ทั้งกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้นำดิวตี้ฟรีเมืองไทยมา 3 ทศวรรษ และ ทอท.ผู้ดูแลท่าอากาศยานสุวรรณภูมิผู้ให้สัมปทานพื้นที่ประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรและเชิงพาณิชย์ ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นในการเปิดประมูลเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคมนี้ ผู้ที่สนใจแข่งขันก็ควรยึดกติกาเป็นหลักด้วยเช่นกัน
from
https://www.khaosod.co.th/pr-news/news_1150192