“ประสบการณ์ที่ล้ำค่าไม่สามารถขโมยหรือแย่งชิงกันได้ แต่สามารถถ่ายทอดต้นแบบที่ดีสู่กันได้”
จากคำกล่าวเบื้องต้นเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จของโครงการอบรมเส้นทางสู่ดวงดาว “Workshop Star Coming On Tour” ที่เพิ่งจะประเดิมจัดเป็นครั้งแรกไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ โรงแรมแกรนด์ธารา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่มีเด็ก ๆ ทางภาคใต้ โดยการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
คุณโดม-โชติธรรม อรรถบดี ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวภาคใต้ และผู้ริเริ่มกลุ่ม star coming ในฐานะผู้จัดโครงการฯ กล่าวว่า ปัจจุบันเวทีประกวดหรือแข่งขันบ้านเรามีเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเวทีสำหรับเด็กหรือผู้ใหญ่ กลายเป็นตลาดการประกวดที่ใคร ๆ สามารถเลือกเข้าประกวดได้ ส่วนประกวดแล้วจะต่อยอดไปในทิศทางใดนั้น ต้องบอกว่า นอกจากความสวยหล่อและความสามารถแล้ว ยังต้องบวกดวงหรือความเฮงไปด้วย หลายคนมาผิดที่ผิดเวลาเลยไม่ได้แจ้งเกิดกันเสียที ถึงกระนั้นเวทีใหญ่ๆดี ๆ อีกทั้งบุคลากรผู้ฝึกสอนด้านประกวดต่าง ๆ มักอยู่ที่กรุงเทพฯ ทำให้ผู้สนใจที่อยู่ต่างจังหวัดต้องเดินทางไปเข้าร่วมประกวดหรือสมัครเรียนคอร์สพิเศษที่กรุงเทพฯ
จึงกลายเป็นปัญหาของผู้ปกครองทางภาคใต้ที่ต้องการการเรียกร้องให้บุตรหลานได้เติมเต็มประสบการณ์ด้านการประกวดที่ดี จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ผมและทีมงานได้จัดโครงการ “Workshop Star Coming On Tour” ขึ้นที่ภาคใต้ โดยประเดิมที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีวัตุประสงค์ให้ให้เด็ก ๆที่มีใจรักการประกวดได้พัฒนาศักยภาพของตัวเองจากวิทยากรที่ได้คัดสรร ซึ่งแต่ละท่านมีประสบการณ์ตรงและรอบด้านมากว่า 20 ปี รวมทั้งลดขั้นตอนและลดค่าใช้จ่ายในการเดินไปเก็บเกี่ยวความรู้ที่กรุงเทพฯ
“สำหรับผลการดำเนินโครงการฯ จากเด็ก ๆ ผู้เข้าร่วมโครงการ จะชอบวิธีการสอนที่สนุกสนาน และผู้ปกครองส่วนใหญ่ พึงพอใจกับการจัดโครงการฯ ในครั้งนี้ เนื่องจากทุกท่านได้เข้าไปร่วมสังเกตการณ์การเรียนการสอนในห้องเรียนที่ทั้งแยกกลุ่มสอนและรวมกลุ่ม ทำให้ได้รับความรู้ความเข้าใจใหม่ ๆ และการแก้ไขปีญหาได้ตรงจุดจากคณะวิทยากร พร้อมเรียกร้องให้จัดอีก ผมคิดว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะทำให้เด็ก ๆ ได้เข้าใจในเส้นทางที่เขาเลือกเดิน ภายใต้คำชี้แนะที่ดีของผู้ใหญ่”
ครูหนุ่ม-นันท์นภัทร เจิมจุติธรรม ผู้เชี่ยวชาญด้านการประกวดและกูรูความงาม/ทีมนักเขียน "วินทุกเว(ที) Ways to Win"กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะรับเป็นวิทยากร ก็ทำการบ้าน ซึ่งได้เห็นถึงความตั้งใจของผู้จัด รวมถึงเด็ก ๆ และผู้ปกครองทางภาคใต้ว่า มีความมุ่งมั่นจริง ๆ เด็ก ๆแต่ละคนมีต้นทุนทางด้านความสามารถ เพียงแต่มีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำว่า ควรจะสร้างสรรค์เพิ่มมูลค่าความสามารถนั้น ๆ ได้อย่างไร เหมือนกับเราเป็นคนยื่นคบหรือไฟฉายให้เด็ก ๆ ได้มองเห็นแสงสว่างทางในความมืดมิดที่ปกคลุม โดยไม่ต้องงมทิศให้เสียเวลา เรียกว่า ย่นย่อระยะทางเพื่อให้เดินไปสู่เป้าหมายได้อย่างที่ตั้งใจ สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือ พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องสอนและหล่อหลอมให้เด็กรู้จักความมีน้ำใจเป็นนักกีฬาคือ “รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย แพ้ให้เป็น ชนะให้เป็น” โดยเฉพาะความพ่ายแพ้จะเป็นบันไดแห่งบทเรียนให้เราได้ก้าวขึ้นไปสู่ความสำเร็จอย่างสง่างามในอนาคตต่อไป
ครูบ๊อบ-จุมพล โพธิสุวรรณ รองบรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวบางกอกทูเดย์ และ นิตยสาร Bangkok Wealth & Biz ผู้มีประสบการณ์ด้านการประกวดและงานบันเทิง กล่าวว่า เมื่อไหร่ที่มีเวทีประกวดหรือการแข่งขันก็ย่อมต้องมีผู้ชนะกับผู้แพ้ ซึ่งพื้นที่ยืนสำหรับผู้ชนะนั้นมีน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับผู้แพ้ผู้ผิดหวัง ซึ่งผู้ชนะก็ใช่ว่า ชีวิตนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดแล้ว หรือผู้แพ้ก็ใช่ว่าชีวิตทั้งชีวิตพังทลายไม่เหลือใคร ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว นั่นเป็นการคิดที่ผิดถนัด เราต้องสร้างมุมมองที่ดีและทัศนคติที่ดีให้กับชีวิต อยู่กับความจริง แล้วยอมรับความจริงให้ได้ อย่าหลอกตัวเอง ต้องอยู่ให้เป็นในทุก ๆ สถาการณ์ โดยเฉพาะในสังคมยุคปัจจุบันที่มีการแข่งขันในทุกด้าน ๆ สูงมาก ด้วยความที่ตัวเองมีประสบการณ์ทั้งในฐานะผู้อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลัง จึงเชื่อมั่นว่า น้อง ๆ จะมีโอกาสที่ดี มีประสบการณ์ในเชิงลึกและมีมิติ ผมชอบคำกล่าวที่ว่า “ความสง่างามของชีวิตคือ พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ความสง่างามจะพังพินาศเมื่อทุบโอกาสจนเกิดวิกฤต”
