EA เดินถูกทาง ธุรกิจ “รถ-เรือไฟฟ้า โรงงานแบตเตอรี่” ขานรับนโยบายภาครัฐ จ่อสร้างรายได้ปี 2563 ดันผลงานแตะ 2 หมื่นล้านบาท เชื่อช่วยผลักดันการลงทุน ดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่ไม่ให้ย้ายการฐานผลิต มั่นใจเป็นผู้นำการนวัตกรรม
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า จากกรณีที่ภาครัฐมีแผนส่งเสริมเทคโนโลยีการกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) อย่างจริงจัง สอดคล้องกับกระแสโลกที่ปัจจุบันเน้นเรื่องนี้มากขึ้น ทำให้มองว่าส่งผลดีต่อภาพรวมของประเทศ ซึ่งจะช่วยผลักดันการลงทุน โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ และช่วยให้นักลงทุนไม่ย้ายฐานการผลิตไปที่อื่นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม EA ยังคงเดินหน้าหาพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศร่วมทุนโครงการแบตเตอรี่ เฟส 2 กำลังการผลิต 49 กิกะวัตต์ ที่จะดำเนินการหลังจากที่เฟส1 เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงปลายปี 2562 ถึงต้นปี 2563 และรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2/2563
ส่วนธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบันมียอดจองแล้วทั้งหมด 4.5 พันคัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5 พันล้านบาท จะสามารถส่งมอบรถและรับรู้รายได้เข้ามาในปี 2563 ขณะที่ธุรกิจให้บริการเดินเรือไฟฟ้าจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการทดลองใช้2 ลำในปลายปี 2562 จนครบภายในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2563 ซึ่งจะสนับสนุนให้รายได้ในปี 2562 ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีนี้ที่คาดว่าจะอยุ่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท
“เชื่อว่าในปีหน้าธุรกิจใหม่ที่บริษัทลงทุนไปจะเริ่มมีรายได้เข้ามาบ้างถึงจะยังเป็นสัดส่วนที่ไม่มาก แต่ก็ทำให้พิสูจน์ได้ว่าบริษัททำได้จริง และ EA จะเป็นเจ้าแรกๆ ที่เป็นผู้นำนวัตกรรม สถานีชาร์ทของเราจะเป็นเจ้าเดียวที่สามารถชาร์ทได้กับรถทุกยี่ห้ออย่างนี้เป็นต้น” นายอมร กล่าว
*รับข่าวดี 2 เด้ง
บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ระบุว่า EA ได้รับประโยชน์จากนโยบายภาครัฐใน 2 ประเด็นคือ 1.จากสัมมนาทิศทาง PDP ที่เน้นการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น โดย EA ได้แรงหนุนจากให้ความสำคัญของกระทรวงพลังงานต่อระบบกักเก็บพลังงาน (Battery Storageและ 2. กฟน. ได้จัดทำ MEA EV Application ซึ่งเป็นแอพพลิเคชันเพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับการตรวจสอบสถานีอัดประจุไฟฟ้าการจองหัวชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งสนับสนุนหน่วยงานเอกชนเช่น EA เพื่อที่จะขับเคลื่อนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นในประเทศ
ทั้งนี้คาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2562 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2562 จากการรับรู้รายได้หลัง COD โรงไฟฟ้าเข้ามาครบ 664 เมกะวัตต์ จากการรับรู้กำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน จ.ชัยภูมิ เข้ามาครบ 260 เมกะวัตต์ ในไตรมาสนี้
ขณะที่รับรู้รายได้เข้ามาต่อเนื่องในโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหาดกังหัน 126 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 278 เมกะวัตต์ ส่งผลทำให้บริษัทจะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเข้ามาในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 9 พันล้านบาทนอกจากนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2563 จะเติบโตเป็น 20,000 ล้านบาท จากปีนี้คาดอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท
ด้านธุรกิจการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 5,000 คัน จากปัจจุบันทำได้แล้วราว 4,500 คัน โดยคาดว่าในปี 63 จะทยอยส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า MINE SPA1 ได้ ส่วนการร่วมมือกับค่ายรถยนต์ MG พัฒนา Charging Network ในประเทศไทย คาดว่าในปีนี้จะขยายสถานีชาร์จได้ครบ 1,000 จุด จากปัจจุบันขยายไปแล้ว 500 จุด
*เชียร์ซื้อ เคาะเป้า 62 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 62 บาท นอกจากกำไรไตรมาส 2/2562น่าจะทำ New High 1.4 พันล้านบาท เติบโต 20% จากไตรมาสก่อน และ 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนแล้ว ยังจะได้ประโยชน์จากแนวนโยบายของรมว.พลังงานคนใหม่ที่สนับสนุนธุรกิจผลิตแบตเตอรี่เพื่อใช้กับโรงไฟฟ้า (เริ่มจำหน่ายปลายปีนี้) และส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลเพื่อช่วยเกษตรกร (รายได้จากธุรกิจไบโอดีเซล 27%)
ล่าสุด EA จับมือ 4 พันธมิตรใหญ่ เชฟรอน, บริดจสโตน, CPALL, ROBINS ติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า 1,000 แห่งภายในสิ้นปี (ปัจจุบัน 500) รองรับธุรกิจรถไฟฟ้าของ EA
https://www.thunhoon.com/206162/00/58/