U Drink I Drive จึงรักษาชื่อเสียงในเรื่องคุณภาพบริการของพนักงานได้ถึงทุกวันนี้
“จุดแข็งคือบริการที่เราใส่ใจคอยปรับปรุงเสมอ อย่างลูกค้าบ่นว่าพนักงานขับรถจากัวร์ไม่ได้ เราก็เอาหนักงานไปฝึกเพิ่ม เราก็ต้องจับมือกับจากัวร์ เรารับฟังปัญหาและแก้ไขทันที ธุรกิจบริการก็ธุรกิจที่สเกลยากอยู่แล้ว ถ้าเราเน้นแพลตฟอร์มมากกว่าฝึกอบรมพนักงาน ธุรกิจของเราก็สเกลง่าย แต่บริการและการพัฒนาพนักงานก็เป็นจุดแข็งที่ทำให้ U Drink I Drive ยิ่งดำเนินธุรกิจอยู่ได้ ไม่มีใครแข่งกับเราตรงนี้ เพราะเราต้องใช้แรงใช้เวลาเทรนคนมากกว่าเอาแรงไปเขียนแอปฯ ปวดหัวน้อยกว่า”
“ลูกค้าใช้บริการของเราแล้วเกินคาด เขาแค่คาดหวังว่ามีคุณลุงคนหนึ่งที่หน้าตาใจดีหน่อยมาขับรถจากเอกมัยให้ไปถึงบ้านแค่นั้น พอมาเจอพนักงานของเรามาเต็ม สภาพดูดีกว่าลูกค้าอีก เขาเลยรู้สึกว้าว คนก็ชอบบริการ ทั้งดาราก็รีวิวให้เราฟรี เอาไปออกสื่อ”
ยิ่งมีทุนน้อย ยิ่งต้องใส่ใจกับการให้บริการทุกรายละเอียด
ให้บริการจนเหนือความคาดหวังของลูกค้า เพื่อสร้างกระแสบอกปากต่อปาก ตัวพนักงานก็ต้องเป็นตัวแทนที่สามารถโปรโมทบริการได้เองด้วย เพื่อสร้าง Growth Hacking
ทุกบาทที่เสียไปต้องคุ้มค่า ไม่ใช่แค่สร้างแบรนด์
ทำให้ 90% ของการเติบโตของ U Drink I Drive ซึ่งเกิดจากการบอกต่อและรีวิวเยอะมาก ยิ่งมีการใส่ hashtag ออนไลน์ ส่งโค้ตให้เพื่อนยิ่งได้ผล
“พนักงานเรามาเต็มทั้งสูท หมวก เนคไท ตอนลูกค้าขึ้นรถ เราก็มีผ้าเย็น มีน้ำ มียาอม บางทีก็มีบัตรล้างรถให้ ลูกค้าใช้บริการของเราแล้วเกินคาด เขาแค่คาดหวังว่ามีคุณลุงคนหนึ่งที่หน้าตาใจดีหน่อยมาขับรถจากเอกมัยให้ไปถึงบ้านแค่นั้น พอมาเจอพนักงานของเรามาเต็ม สภาพดูดีกว่าลูกค้าอีก เขาเลยรู้สึกว้าว คนก็ชอบบริการ ทั้งดาราก็รีวิวให้เราฟรี เอาไปออกสื่อ ส่วนสูทสีนีออนบลูก็เป็นสีที่สนุกสำหรับคนเที่ยวกลางคืน เราต้องการเรื่องของความไว้ใจมากๆ เลยอยากได้สีน้ำเงิน แต่ถ้าน้ำเงินเกินไปก็จะดูไม่สนุก ก็เลยลงตัวที่สีนี้ ที่สำคัญคือ มันต้องเด่นตอนกลางคืน พอใส่ออกมาหน้าผับ เจอคนแบบนี้คงไม่ใช่คนขับรถประจำบ้าน คนก็จะถามว่าพี่เป็นใคร มายืนอะไรตรงนี้ สิก็เลยฝึกให้พนักงานทุกคนทำการตลาด ต้องขายได้ มีโบร์ชัวร์แจก หันหลังมีเบอร์โทรศัพท์ไว้จองใช้บริการ คนก็บันทึกได้เลย”
ความท้าทายของ U Drink I Drive จึงเป็นการย้ำว่าบริการของ U Drink I Drive มีไว้สำหรับคนที่ดื่มอย่างมีความรับผิดชอบ ไม่ใช่คนที่เมาเละเทะดูแลตัวเองไม่ได้
“Self-Driving Car มาแน่ๆแต่เราจะโตและจะปรับกลยุทธ์ธุรกิจของเราอย่างไรให้ทันกับโลกที่แข่งขันสูง เราก็แตกไลน์ไปในบริการอื่นๆ ทำให้ธุรกิจของเราไม่โดน “Disrupted” หรือหายไป เพราะอีก 20 ปี 30 ปี U Drink I Drive มันหายไปแน่นอน”
ในยุคที่เทคโนโลยีมาเร็ว ถ้าไม่ปรับตัว ก็ไม่รอด
ก่อนที่คนเล่น BlackBerry ทุกวันนี้ก็หันมาเล่น Line ภายใน 5 ปีวันนี้ Line ไม่ใช่แค่ Messenger App แต่แตกออกมาเป็น Line Man และ Line Pay คุณสิจึงมองว่าทุกธุรกิจจึงเสี่ยงโดน “Disrupted” อยู่แล้ว
ไม่เว้นแต่ U Drink I Drive ที่อนาคตอาจถูกแทนที่ด้วย Self-Driving Car เช่นกัน
“Self-Diving Car มันมาแน่ๆ แต่หน้าที่ของเราคือเราต้องโตให้เร็วที่สุด สร้างชุมชนกลุ่มลูกค้าของเราให้เร็วที่สุด อนาคตการขับรถอาจจะเป็นแค่งานอดิเรก หรือวันที่มันมาแล้ว คนก็ยังไม่อยากปล่อยให้ขับขนาดนั้น มันก็ยังมีอุบัติเหตุได้ รถพวกนี้บางครั้งก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าตรงไหนเป็นกำแพง เป็นเสา ถอยไปอาจจะโดนรถบรรทุก Self-Diving Car มาแน่ๆแต่เราจะโตและจะปรับกลยุทธ์ธุรกิจของเราอย่างไรให้ทันกับโลกที่แข่งขันสูง เราอาจจะกลายเป็นแพลตฟอร์มสำหรับคนไนท์ไลฟ์ก็ได้ เช่นอาจจะจองโต๊ะไปเที่ยวที่ผับ แล้วก็กดเรียกบริการเรา สั่งเหล้า หรืออะไรก็ได้ เราก็แตกไลน์ไปในบริการอื่นๆ ทำให้ธุรกิจของเราไม่โดน “Disrupted” หรือหายไป เพราะอีก 20 ปี 30 ปี U Drink I Drive มันหายไปแน่นอน อย่างเมื่อก่อนเราใช้เครื่องพิมพ์ดีด เดี๋ยวนี้มันไม่มีแล้ว อนาคตก็คงไม่มีบริการนี้อีกแล้ว แต่บริษัทของเรายังอยู่หรือเปล่า เราจะไปทำอย่างอื่นหรือเปล่า ก็เป็นโจทย์ที่ท้าทาย”