การดำเนินธุรกิจต้องปรับตัวและพัฒนาตนเองอยู่เสมอเพื่อให้สามารถอยู่รอดและเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ดังนั้น การพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืนจึงเป็น “เรื่องสำคัญ” ที่ทุกธุรกิจต้องบูรณาการและขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมซึ่งสามารถทำได้หลายรูปแบบตามบริบทองค์กร แล้วความยั่งยืน (Sustainability) คืออะไร ???-
สฤณี อาชวานันทกุล นักเขียน นักแปล นักวิชาการอิสระด้านการเงิน ให้ความหมายไว้ว่า
"คือการกระทำอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ลูกหลานเราไม่เดือดร้อน ลูกหลานเราในอนาคตสามารถใช้ชีวิตด้วยคุณภาพชีวิตที่ไม่ด้อยกว่าเรา นี่คือความหมายของความยั่งยืน คือการมองไปที่คนรุ่นหลัง"
แล้วในมุมของธุรกิจมีการวางยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนไว้เช่นไร ???-
ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด มองว่า
"การขับเคลื่อนความยั่งยืนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ มีพื้นฐานมาจากความกตัญญู และความซื่อสัตย์ โดยพนัก
งานทุกคนยึดมั่นในหลักค่านิยม 3 ประโยชน์ ที่ปฏิบัติต่อเนื่องมาเกือบ 100 ปี นับตั้งแต่ ก่อตั้งบริษัทน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ ดำเนินการตามระบบซีพี สู่ความเป็นเลิศ และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ยึดมั่นหลักการสากล และกฎระเบียบข้อบังคับและมาตรฐานของทุกประเทศที่เครือฯ เข้าไปดำเนินงาน
เครือเจริญโภคภัณฑ์กำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนครอบคลุม 12 เป้าหมายหลัก ซึ่งมีความสอดคล้องตาม SDGs ของสหประชาชาติ ทุกองค์ประกอบภายใต้ยุทธศาสตร์ความยั่งยืน โดยมีกรอบการดำเนินงาน 3Hs HEART-HEALTH-HOME เป็นตัวขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตและก้าวหน้าอย่างมั่นคง เพื่อสร้างการยอมรับจากผู้มีส่วนได้เสียในทุกพื้นที่ครอบคลุม 21 ประเทศทั่วโลกและเขตเศรษฐกิจ"
จะเห็นได้ว่า "ความยั่งยืน" เป็นคำพูดที่มีการพูดถึงมากในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 และต้นศตวรรษที่ 21 จนทำให้ความยั่งยืนเริ่มกลายเป็นกระแสหลัก นำไปสู่การขยายแนวคิดดังกล่าวสู่ภาคปฏิบัติ เช่น การทำรายงานความยั่งยืนของธุรกิจน้อยใหญ่ทั่วโลก ส่วนในภาพใหญ่ ก็มีความพยายามสร้างดัชนีชี้วัดทางเลือกมาทดแทนจีดีพี
ซึ่งในภาคธุรกิจขนาดใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ มักจะพูดถึงดัชนี DJSI : Dow Jones Sustainability Indices หรือแม้แต่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals) : SDGs) ทั้ง 17 ข้อ ล้วนแล้วแต่เป็นข้อนําไปปฏิบัติของทั้งธุรกิจ และประเทศเพื่อให้บรรลุผลสําเร็จ เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
จนเป็นที่มาของนโยบายของรัฐบาลไทยที่คุ้นชินหู
“มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” จนทำให้ปัจจุบันทุกภาคธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนกว่าเดิม และได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคมากขึ้นเช่นกัน ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น หากธุรกิจยังดำเนินธุรกิจในรูปแบบเดิมก็จะอยู่ยากขึ้น จนทำให้ทุกธุรกิจต้องใส่ใจสังคม และสิ่งแวดล้อมมากขึ้นกว่าแค่การทำธุรกิจแบบเดิมอีกแล้ว
แล้ว CSR : Corporate Social Responsibility แบบเดิมๆ ไม่เพียงพอกับปัจจุบันแล้วหรือ ???- CSR หรือ Corporate Social Responsibility คือ ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร ซึ่งคือการดำเนินกิจการภายใต้หลักจริยธรรมและการจัดการที่ดี
แต่ยังไม่ดีพอ และไม่ยั่งยืนพอ
เพราะความยั่งยืนใหญ่กว่าคำว่า CSR อธิบายง่ายๆ ก็คือ ธุรกิจที่ยั่งยืนจะต้องคำนึงถึงสังคม และสิ่งแวดล้อม เหมือนเป็นร่มครอบ CSR อีกชั้นหนึ่ง
เห็นได้ว่า การทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน จะมุ่งเน้นเพียงแต่ผลกำไร หรือการดำเนินธุรกิจในแบบเดิมๆ เพียงอย่างเดียวนั้น ไม่เพียงพอแล้ว เพราะวันนี้ ธุรกิจจะต้องเป็นมากกว่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และจะต้องช่วยขับเคลื่อนสังคม และสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนไปควบคู่กันด้วย
ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และนักวิทยาศาสตร์ทางทะเล ได้บอกเล่าเรื่องราวของผลกระทบจากโควิด-19 จะส่งผลกระทบการอนุรักษ์และพัฒนายั่งยืนไว้อย่างน่าสนใจว่า
• องค์กรธุรกิจกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายคร้ังสำคัญในการรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศที่แปรปรวนมากขึ้นทุกขณะ จนการวางแผนการดำเนินธุรกิจมีความยากขึ้นเรื่อยๆ
• วันนี้องค์กรเอกชนและภาคธุรกิจจึงต้องคำนึงถึงความยั่งยืน (sustainability) และความยืดหยุ่นในการปรับตัว (Resilience) ซึ่งคำสองคำนี้มีบทบาทมากขึ้นในการปรับตัวของภาคธุรกิจหลังวิกฤตโควิด-19 รวมทั้งภาวะโลกร้อน
• เทรนด์ธุรกิจจากนี้จะยิ่งแข่งขันกันมี Business Model ที่ดีไซน์ออกมาโดยไม่รบกวนสิ่งแวดล้อม ขณะนี้วิกฤตโควิด-19 ได้ส่งผลให้ธุรกิจต่างปรับตัวด้านการรีแพคเกจจิ้งมากขึ้น ให้มีความรักษ์โลก ไม่ใช่พลาสติกในแบบดั้งเดิมอีกต่อไป
• เสนอแนะการตั้งเป้าการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน หรือ SDGs ที่จะต้องท้าทายมากขึ้นและทำให้ดีกว่าปัจจุบัน ซึ่งมองว่าองค์กรธุรกิจอย่างซีพีแตะถึงเป้าหมายนั้นแล้ว แต่จะต้องตั้งเป้าหมายที่ท้าทายมากขึ้นไปอีก ทั้งกลยุทธ์และยุทธศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันซีอีโอเครือซีพี ออกมายืนแถวหน้าในการผลักดันประเด็น Zero Carbon และ Zero Waste ที่ถือเป็นเรื่องท้าทายมาก
• ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าวชื่นชม คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ซีอีโอเครือซีพี ที่กล้าประกาศเป้าหมาย Zero Carbon ภายในปี 2030 และให้กำลังใจพนักงานในเครือซีพีที่จะต้องร่วมมือร่วมใจสานต่อเรื่องนี้
... ความยั่งยืน จึงเป็นความร่วมมือร่วมใจกันของทุกภาคส่วน ไม่ใช่ของคนหนึ่งคนใด ...