สำหรับใครก็ตามที่กำลังศึกษาในเรื่องของการนำเงินไปลงทุนเพื่อเก็บออมไว้ในระยะยาวนั้น แน่นอนจะต้องเดินเพียงกับการแนะนำให้ไปซื้อกองทุนต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่ากองทุนแต่ละประเภทนั้นมันก็ย่อมมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ฉะนั้นแล้วการที่เราจะซื้อกองทุนใดๆก็ตามนั้นเราก็จำเป็นที่จะต้องศึกษาเรื่องของเงื่อนไขต่างๆให้ดีเสียก่อน ทั้งนี้ก็เพราะว่ากองทุนแต่ละประเภทนั้นอาจจะมีเงื่อนไขระยะเวลาในการถือครองอยู่ด้วยนั่นเอง
ซึ่งใครก็ตามที่อยากได้กองทุนเพื่อเอาไว้ใช้สำหรับในยามเกษียณนั้นแน่นอนว่าเมื่อก่อนก็จะต้องไปถึงกองทุน ltf แต่ทว่าในปัจจุบันนั้นกองทุน ltf ก็ได้มีการยกเลิกไปแล้ว และก็ได้เกิดเป็นกองทุน SSF ขึ้นมาซึ่งมันก็จะมีลักษณะคล้ายกัน ฉะนั้นหากใครก็ตามที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับกองทุน SSF ก็สามารถเข้าไปดูกองทุนนี้ได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ( Siam Commercial Bank of Thailand ) สำหรับในวันนี้ใครก็ตามที่อยากรู้ว่ากองทุน ( SSF super saving fund ) และกองทุน LTF ( Long -Term Equity Fund ) นั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร มีข้อแตกต่างใดๆบ้างนั้นเราก็มีคำตอบมาฝากเพื่อนๆทุกคนด้วย
สำหรับกองทุน ( SSF super saving fund ) นั้นก็จะมีลักษณะดังนี้
1.สำหรับ กองทุน SSF นั้นจะเป็นกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมในด้านของการออมระยะยาว
2.การนำเงินทุนในกองทุน SSF ไปใช้ประโยชน์ในด้านการลงทุนนั้น เขาก็จะเอาไปใช้ในการลงทุนในกองทุนรวมได้ทุกประเภท
3.สำหรับการซื้อกองทุน SSF จะไม่มีการกำหนดอัตราขั้นต่ำในการซื้อ ฉะนั้นเราจึงไม่จำเป็นจะต้องซื้อกองทุน SSF นี้ต่อเนื่องกันไปในทุกๆปี
4.แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในการซื้อกองทุน SSF นั้นเราจะซื้อได้ไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ของรายได้รวมตลิดทั้งปี และก็จะต้องไม่เกิน 200,000 บาทอีกด้วย
5.และในการซื้อกองทุน SSF นั้นเมื่อนำมารวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆแล้วนั้นจะต้องไม่เกิน 500,000 บาทอีกด้วย
6.สำหรับระยะเวลาในการถือครองกองทุน SSF นั้น เราจะต้องถือครองกองทุนไม่น้อยกว่า 10 ปีนับจากวันที่เราได้ซื้อ
7.สำหรับกองทุน SSF นั้น เราสามารถที่จะนำมาหักลดลดหย่อนภาษีได้ด้วย โดยสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ทั้งหมด 5 ปีด้วยกัน ซึ่งก็คือ ในปี พ.ศ. 2563-2567 นั่นเอง
สำหรับกองทุน LTF ( Long -Term Equity Fund ) นั้นก็จะมีลักษณะดังนี้
1.สำหรับกองทุน ltf นั้นก็จะเป็นกองทุนรวมหุ้นในระยะยาว
2.และการนำเงินในกองทุน ltf ไปใช้ในการลงทุนนั้นก็จะนำไปใช้ลงทุนกับกองทุนรวมหุ้น ซึ่งก็จะเน้นไปที่กองทุนรวมหุ้นในประเทศไทย
3.สำหรับการซื้อกองทุน ltf นั้นจะไม่มีการกำหนดอัตราขั้นต่ำในการซื้อไว้ และเรานั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อต่อเนื่องกันตลอดทุกปีเช่นเดียวกับกองทุน SSF
4.แต่ทว่าการซื้อกองทุน ltf นั้นจะมีการกำหนดให้ซื้อได้ในอัตราไม่เกิน 15% ของรายได้รวมตลอดทั้งปี แล้วก็จะต้องไม่เกิน 500,000 บาทอีกด้วย
5.และสำหรับระยะเวลาในการถือครองกองทุน ltf ก็จะต้องมีการถือครองไม่น้อยกว่า 7 ปีปฏิทิน
6.สำหรับการซื้อกองทุน ltf นั้นก็สามารถซื้อแล้วนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ถึงสิ้นปี 2562 เท่านั้น